อยุธยา – ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง

อยุธยา – ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง

ภาพ /ข่าว นราเอก ตันศิริ : นพดล บำเพ็ญสัตย์

             อธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง 2564/65 ในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

             เมื่อเวลา 16:00 น.วันที่ 26 ธันวาคม 2564 นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน และคณะ ลงพื้นที่ประชุมและติดตามการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง 2564/65 ในพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งผักไห่ ในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามการบริหารจัดการน้ำและการสร้างการรับรู้ให้กับเจ้าหน้าที่และเกษตรกรในการบริหารจัดการน้ำและการเพาะปลูกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำ และพบปะกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ ลุ่มต่ำผักไห่ และโครงการนำร่องการบริหารจัดการน้ำบูรณาการในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ โดยมีนายวุฒิพงศ์ กะสินัง เกษตรและสหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้การต้อนรับ มีนายนรเศรษฐ์ ฤกษ์สงเคราะห์ อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ บรรยายสรุป

             นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า แนวโน้มของปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาคาดว่าจะมีระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าเกณฑ์เก็บกักในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถส่งน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานได้อย่างเต็มศักยภาพ กรมชลประทาน จึงได้รณรงค์ให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชแบบใช้น้ำน้อย ตามโครงการสาธิตการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ภายใต้โครงการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าปวงประชาถวายพ่อของแผ่นดิน ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รณรงค์การใช้น้ำอย่างประหยัดด้วยการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง (แกล้งข้าว) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การทำนาแบบใช้น้ำน้อย เป็นวิธีการบริหารจัดการน้ำในการทำนา โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตข้าว สามารถลดปริมาณการใช้น้ำได้มากถึงร้อยละ 28 ของปริมาณน้ำที่ใช้ในการทำนาแบบทั่วไป ซึ่งโดยปกติจะใช้น้ำประมาณ 1,200 ลบ.ม.ต่อไร่ แต่ถ้าทำนาแบบแกล้งข้าว จะใช้น้ำเพียงประมาณ 860 ลบ.ม.ต่อไร่ เท่านั้น นอกจากจะลดปริมาณการใช้น้ำลงแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนการใช้ปุ๋ย สารเคมี และน้ำมันเชื้อเพลิง สามารถลดต้นทุนการผลิตข้าวลง จากไร่ละประมาณ 5,600 บาท เหลือประมาณ 3,400 บาท ที่สำคัญยังทำให้คุณภาพข้าวดีขึ้น เพิ่มปริมาณผลผลิตได้สูงกว่าไร่ละ 1,200 กิโลกรัม ได้อีกด้วย ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานในพื้นที่ส่งเสริมกระบวนการสร้างการรับรู้ให้เกษตรกรและทุกภาคส่วน ตระหนักถึงการใช้น้ำอย่างประหยัด พร้อมบริหารจัดการน้ำด้วยความประณีต และเป็นไปตามแผนบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 อย่างเคร่งครัด ทั่วถึง เท่าเทียม และเป็นธรรม รวมทั้งจัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือ อาทิ เครื่องสูบน้ำ เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการเพื่อให้มีน้ำเพียงพอใช้ตลอดช่วงฤดูแล้งนี้

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!