อยุธยา – นำผ้าพระกฐินพระราชทานน้อมนำถวายพระสงฆ์จำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดหน้าพระเมรุชิการาม

 ภาพ / ข่าว นราเอก ตันศิริ : นพดล บำเพ็ญสัตย์

          อยุธยา – พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐินพระราชทานให้กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ตามที่ขอพระราชทานเพื่อน้อมนำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดหน้าพระเมรุชิการาม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

                เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐินพระราชทานให้กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ตามที่ขอพระราชทานเพื่อน้อมนำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดหน้าพระเมรุชิการาม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดย นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และนางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2564 และถวายปัจจัยโดยเสด็จพระราชกุศล แด่พระพิศาลวิหารกิจ เจ้าอาวาสวัดหน้าพระเมรุราชิการาม เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มอบหมายให้ นางสาวนุชนาถ ประทีปธีรานันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมพิธีในการนี้ จุรีพร ขันตี วัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำข้าราชการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปฏิบัติหน้าที่ศาสนพิธี ในพิธีดังกล่าว วัดหน้าพระเมรุราชิการาม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ได้ถูกพม่าทำลาย พระอุโบสถมีขนาดยาว 50 เมตร กว้าง 16 เมตรเป็นแบบอยุธยาตอนต้นซึ่งมีเสาอยู่ภายใน มีตำนานเล่าว่าพระองค์อินทร์ในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงสร้างวัดนี้เมื่อ พ.ศ. 2046 มีพระประธานในอุโบสถสร้างปลายสมัยอยุธยาเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ทรงเครื่องแบบกษัตราธิราช มีนามว่า “พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ” จัดเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยอยุธยาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีปรากฏอยู่ในปัจจุบันและมีความสมบูรณ์งดงามมากสูงประมาณ 6 เมตรหน้าตักกว้างประมาณ 4.40 เมตร ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ได้มีการปฏิสังขรณ์วัดนี้โดยรักษาแบบอย่างเดิมไว้