“อนุทิน” ปลื้ม “บุญจง” เข้า “ภูมิใจไทย” เป็นผู้สมัครเขต สู้ศึกเลือกตั้ง เผย เก่าไป ใหม่มา จังหวะดี ได้คนเก่ง มาร่วมงาน

ภาพ-ข่าว:นายหัวไทร

            2 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ทำการพรรคใจไทย กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ภายหลังการเปิดตัวนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ เป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต จังหวัดนครราชสีมา ระบุว่า ยินดีที่ได้ท่านมาร่วมงานด้วย กับนายบุญจง ถือว่าเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคภูมิใจไทยสมัยที่บิดาของตนเป็นหัวหน้าพรรค ท่านก็เป็นรองหัวหน้าฯ และท่านยังเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ด้วย รู้ทั้งงานพรรค และงานบ้านเมือง มีประสบการณ์ มีความสามารถ หลังจากนั้น มีการยึดอำนาจ จึงได้ห่างเหินกันไปก่อนที่จะมาพูดคุยกันใหม่อีกครั้งเมื่อการเมืองไทยเกิดการเปลี่ยนแปลง กับจังหวัดนครราชสีมา พรรคภูมิใจไทยต้องการเห็นความเจริญในทุกๆด้าน ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมีผู้แทนราษฎรทำหน้าที่ผลักดันอยู่ในหลายพื้นที่ แต่ล่าสุด บางพื้นที่มีการย้ายออก แต่ก็เป็นจังหวะดีที่เราได้ติดต่อนายบุญจงเอาไว้ ตอนแรกเราคุยกันให้เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จึงปรับมาเป็น ส.ส.เขตเลย ถือว่าจังหวะดีได้คนเก่งมาร่วมงานทันเวลา ถ้า ส.ส. เก่าไม่ย้าย เราก็ส่งคนเก่าลง เพราะ ธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคใครเป็น ส.ส.อยู่แล้ว และได้รับความนิยมจากประชาชนในพื้นที่ เราต้องส่งลงเลือกตั้ง
           “จังหวัดนครราชสีมา เป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูงมาก แต่พรรคภูมิใจไทยมั่นใจว่าได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่าเดิม เราเลือกคนเก่ง คนเหมาะสม ลงสมัครในทุกพื้นที่ เป็นตัวเลือกที่ดีของประชาชน สำหรับนายบุญจง ผมดีใจ ที่ท่านมาร่วมงานกับเรา เราคุยกันมานานแล้ว ท่านเป็นคนมีความนิยม ส่วนท่านก็ชอบนโยบายของเรา”

ให้เกียรติ และไม่ก้าวก่ายกัน ! “อนุทิน” ตอบปมผู้ตรวจราชการฯ สั่งย้าย “หมอสุภัทร”

จากกรณีที่มีคำสั่งโยกย้ายนายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา ไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมที่โรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา เป็นคำสั่งลงนามโดยนพ.สวัสดิ์ อภิวัจนีวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เขตสุขภาพที่ 12 ซึ่งต่อมา นายแพทย์สุภัทร ได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อคำสั่งดังกล่าว ล่าสุด 2 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า เท่าที่ผมทราบคือ ท่านต้อง ย้ายไปประจำตำแหน่งที่โรงพยาบาลสะบ้าย้อยในวันจันทร์หน้า ที่ติดตามข่าว ไม่พบความผิดปกติ ในการโยกย้าย “ตัวผมยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ท่านปลัดฯ เป็นหัวหน้าส่วนราชการ มันมีการกำหนดไว้ชัดเจนว่าใครมีอำนาจอะไรใครมีบทบาทอะไร” ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ฝ่ายการเมือง เชื่อมโยงเรื่องการโยกย้าย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีว่าการฯ
             นายอนุทิน ตอบว่า มีความพยายามยามดึงตนเข้าไปแทรกแซง เพื่อเปลี่ยนแปลงคำสั่ง แต่เรายึดหลักการว่าทำงานต้องให้เกียรติกัน ต้องไม่ก้าวก่ายกัน ที่ผ่านมารัฐมนตรี ให้นโยบายในส่วนที่เป็นเรื่องของงานบริการประชาชนเป็นหลักเช่นบอกว่า ต้องการเห็นประชาชนได้ฟอกไตฟรี ต้องการเห็นการรักษามะเร็งฟรี หรือหวังว่า อสม.จะได้การตอบแทนที่ดีขึ้น นอกเหนือจากนี้ ตนไม่ไปกำกับ

“อนุทิน” ประชุมคณะกรรมการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด เห็นชอบกฎกระทรวงฯ คุมยาบ้า จ่อยื่น ครม.พิจารณา

             ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีงว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมประชุมคณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดครั้งที่ 2/66 ระบุว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างกฎกระทรวงฯ ว่าด้วยการกำหนดจำนวนยาบ้า ซึ่งผู้ครอบครองเกิน 1 เม็ด ต้องถูกจัดให้เป็นผู้ค้า จากนี้ จะมีการยื่นให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารรสุข และเป็นเอกสาร เพื่อส่งเข้า ครม. พิจารณาต่อไป ที่ประชุมกันในวันนี้ มีตัวแทนหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคง นอกจากนั้น ยังได้มีการหารือให้กระทรวงสาธารณสุข จัดทีมเข้าไปบำบัดยาเสพติด กับผู้ต้องขังด้วย
            ส่วนที่มีความกังวลเรื่อง ถ้าปรับเกณฑ์ผู้ครอบครองยาบ้าใหม่ แล้วจะทำให้เกิดปัญหาคุกล้นนั้น ขอชี้แจงว่าในร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว เราให้อำนาจเจ้าหน้าที่ ในการพิจารณาว่าพฤติกรรมแบบไหนเป็นผู้ขาย ต้องดำเนินคดี และพฤติกรรมแบบไหน เป็นผู้เสพ หรือผู้ป่วย เราไม่จับสุ่มสี่สุ่มหา ยกตัวอย่างเช่นเด็ก ที่ถูกหลอกมาเดินยา ถ้าเจอตัว ก็ต้องไปหาคนขายตัวจริง ส่วนเด็ก จะพิจารณาให้บำบัดต่อไป

          “กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข มีข้อมูลทางวิชาการยืนยันว่า การเสพยาบ้า 1 เม็ด มีผลกระทบถึงสมอง และในต่างประเทศ การกำหนดจำนวนครอบครองยาเสพติด แม้จะน้อยมาก ก็ยังเป็นผู้ค้า ช่วยลดคดียาเสพติดได้ และทำให้สังคมปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”

           สำหรับกระทรวงสาธารณสุข เรามีหน้าที่บำบัดผู้ติดยาเสพติดอยู่แล้ว หากมีความกังวลว่า ในอนาคต ถ้าร่างกฎหมายดังกล่าวออกมาเป็นกฎหมายแล้ว จะบำบัดกันไม่ทัน ขอยืนยันว่า เราจะพัฒนาการทำงานของเรา เพิ่มเติมทรัพยากร ให้ความสามารถในการบัดบัด สองคล้องกับปริมาณผู้ป่วยที่เข้ามา