ปราจีนบุรี-รวมพลังจิตอาสา2จังหวัดปราจีนฯ-แปดริ้ว ช่วยผลักดัน โขลงช้างป่า

ปราจีนบุรี-รวมพลังจิตอาสา2จังหวัดปราจีนฯ-แปดริ้ว ช่วยผลักดัน โขลงช้างป่า

ภาพ-ข่าว:มานิตย์ สนับบุญ

                รวมพลังจิตอาสา2จังหวัดปราจีนฯ-แปดริ้ว ช่วยผลักดัน โขลงช้างป่าแม่แปรกพรีอมลูกน้อยรวมกว่า 20 ตัว(บวก)ที่มาจากเขาอ่างฤาไนแปดริ้ว ออกจากป่าอ้อย ปราจีนฯโดยใช้โดรนบืน-รถไถ ปืนยิงปะทัด ต้อนโขลงช้างป่ากลับคืนถิ่นเดิมแปดริ้ว ระบุ แต่เดิมออกหากินแค่ในแปดริ้วแต่ระยะ5-10ปีให้หลังมาโดยปีนี้ ยกโขลงนับ 150 ตัว บุกข้ามจังหวัดเข้ามาปราจีนฯหากินใน2อำเภอ ทั้งกบินทร์บุรีและ อ.ศรีมหาโพธิ บุกถึงในเขตย่านนิคมอุตสาหกรรมจนหลายๆคนตั้งคำถามให้ดูตลก!ไม่ให้เครียดเพราะต้องผลักดันทุกวันแทบไม่มีเวลาทำมาหากิน กันว่า หรือช้างป่าพวกนี้ มาติดพันสาวฉันทนาสวยๆกันหนอ?

               วันนี้ 25 พ.ย.65 ผู้สื่อข่าวจังหวัดปราจีนบุรี รายงานว่าชุดเฝ้าระวังช้างป่า-จิตอาสา ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ร่วมกับชุดอาสาคนกับช้าง(อฟช.) ต.ทุ่งพยา อ.สนามชัยเขตจ.ฉะเชิงเทรา ผู้นำท้องถิ่น กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันผลักดันโขลงช้างป่า รวมจำนวน20ตัว(บวก) เป็นโขลงช้างแม่แปรกที่มีลูกอ่อนอยู่ร่วม4-5ตัว ที่ข้ามฝั่งมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนจ.ฉะเชิงเทรา (ในผืนป่าลุ่มต่ำผืนสุดท้ายในเขตป่ารอยต่อ5จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.ชลบุรี,จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง) ที่ข้ามจังหสัดเข้ามาหากินในจ.ปราจีนบุรีนานมากกว่า1สัปดาห์แล้วไม่กลับคืนถิ่น ต้อนให้ออกจากเชิงเขามะก่อง หมู่ที่ 14 ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
               โดยโขลงช้างนี้ ได้แตกโขลง จากโขลงใหญ่ที่มีมากกว่า120ตัว(บวก) ที่ถูกต้อนออกไปเมื่อวานนี้(24พ.ย.) พากันยกโขลงออกมาหากินป่าอ้อยและไร่มันสําปะหลัง,ป่ากล้วย สวนมะม่วง,นาข้าว ของเกษตรกรทุกๆคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับเกษตรกรอย่างมาก ซึ่งพบโขลงช้างป่าได้ล้มต้นไม้ขนาดใหญ่ขวางทาง เป็นสัญลักษณ์เตือนไม่ให้คนรู้ว่าห้ามเข้าไปใกล้อาณาเขตเชิงเขามะก่อง ซึ่งเป็นที่หลบซ่อน จนคนงาน-เกษตรกรทีาออกมาเก็บหัวมันสำปะหลง ต้องใช้ปืนยิงลูกปิงปอง ซึ่งผลิตจากท่อเหล็กดัดแปลง จุดไล่ช้างที่ส่งเสียงร้องอยู่ข้างๆเชิงเขา ทำงานอย่งเร่งรีบ พบ นายเอกพงษ์ เทพเทพา หัวหน้าชุดอาสาคนกับช้าง (อฟช.)ทุ่งพยา ระดมกำลัง 20 นาย มาวางแผนผลักดันโขลงช้างป่าออกจากพื้นที่โดยเร็วเพราะ ชาวบ้านกลัวจะได้รับอันตรายจากช้างป่า จึงได้ แบ่งกำลังเดินเท้าเป็น 2 ชุด สำรวจภายในเชิงเขามะก่อง พบว่าฝูงช้างป่าพากันหลบซ่อนตัวในป่าทึบจำนวนมาก และพบฝูงช้างป่าพากันออกจากป่าไผ่ มุ่งหน้าหมู่ 14 ต.ทุ่งพยา อ.สนามชัยเขตจ.ฉะเชิงเทรา โขลงช้างป่า พากันเดินมาหลบอยู่ในป่าอ้อย เจ้าหน้าที่จึงจุดประทัดไล่ ให้โขลงช้างป่าจำนวน 20ตัว(บวก) เป็นโขลงแม่แปรกที่มีลูกช้าง4-5ตัว ได้ถูกผลักดันออกจากป่าอ้อยข้างหมู่บ้านโดยใช้โดรนความร้อนสูงร่วมกับรถไถนาช่วยต้อน
                นายถวัลย์ สุจริต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 14 ต.ทุ่งพยา กล่าวว่า วันนี้ได้ร่วมกับผู้นำท้องถิ่นท้องที่และจิตอาสาตำบลทุ่งพยาและต.วังท่าช้าง ร่วมผลักดันช้างป่าออกจากพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านเพื่อความปลอดภัย โขลงช้างป่า จะออกมาหากินในพื้นที่ของเกษตรกรทุกคืนสร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรอย่างหนัก ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่อนุรักษ์และชุดจิตอาสาร่วมกันผลักดันทุกคืน แต่ช้างป่าก็แตกฝูงออก -ย้อนกลับมาหากินอีก ในวันนี้มีนายกฤษณะ เอี่ยมศิริ หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้สนามชัยเขต และเจ้าหน้าที่จากฉช.4ทุ่งพยา นำกำลังมาสนับสนุนด้วย
                  ด้านนายธนเกียรติ ไชยราษฎร์ อาสาสมัครเฝ้าระวัง ต.วังท่าช้าง กล่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจที่ผู้นำท้องถิ่นทั้งที่ 2 ตำบลและจิตอาสาทั้ง 2 ตำบลใน2จังหวัดทั้งฉะเชิงเทราและปราจีน บุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เขตติดต่อกัน มาร่วมทำการผลักดันช้างป่าออกจากพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน โขลงช้างป่า ถูกผลักดันออกจากพื้นที่มุ่งหน้าไปยังป่าบะกระสอบ ซึ่งเป็นพื้นที่ชั้นในสุดที่เป็นที่อยู่อาศัยของช้างป่าอ่างฤาไนหลายร้อยตัว อันเป็นพื้นที่อาศัยอยู่หรือถิ่นที่อยู่ ทั้งนี้โขลงช้างแม่แปรกรวมกว่า20บวกนี้ เข้ามาหากินในพื้นที่ฝั่งปราจีนบุรีตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.65 ก่อนหน้านี้พร้อมๆกับโขลงที่มีรวมกันมากกว่า120ตัว(บวก)ที่เหลืออยู่ในพื้นที่ไม่ยอมกลับคืนถิ่นเดิม วันนี้ได้ประสานงานขอชุดผลักดันช้างป่า-จิตอาสาต.ทุ่งพระยา -เจ้าหน้าเขตเขาอ่างฤาไนมาช่วย โดยใช้โดรนจับร้อน ทำการบินต้อนโขลงช้างใหีออกทาง ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขตจ.ฉะเชิงเทรา พร้อม รถไถนาและชุดผลักดันช่วยร่วมกันต้อน ในเบื้องต้นใช้ปะทัดปืงปิงจุดไล่แต่โขลงช้างชิน-รู้ไม่ยอมออกจากป่าอ้อยต้องใช้ปืนประดิษ์คล้ายปืนใส่ด้วยปะทัด(ลูกบอล)ยิง ร่วมกับใช้โดรน-รถไถต้อน จึงพากันยกโขลงแม่แปรกพร้อมลูกน้อย4-5ตัว เป็นขบวนกลับคืนพื้นที่ถิ่นที่อยู่เดิม ในผืนป่าแปดริ้ว ทั่งนี้กำลังชุดผลักดันช้างป่า-จิตอาสาของ ต.ทุ่งพระยา รวมกว่า20คน ต.วังท่าช้างเจ้าของพื้นที่รวมกว่า20คนและเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันเขาอ่างฤาไนกว่า10คนรวมประมาณ 50 คน
                ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไป ปัญหาช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จังหวัดฉะเชิงเทรา (ในพื้นที่หล่มต่ำผืนสุดท้ายในป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จังหวัดฉะเชิงเทรา, จังหวัดสระแก้ว,จังหวัดชลบุรี,จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดระยอง) มีมาเนิ่นนานนับ 30 ปีที่ผ่านมา ระยะแรกเพียงในพื้นที่ ช้างป่าออกจากพื้นที่มานอกเขตอำเภอสนามสนามชัยเขต,อำเภอท่าตะเกียบ จนต้องมีการสร้างคู-รั้วกั้นช้างป่า แต่ไม่สามารถยับยั้งได้ เนื่องจากสาเหตุหลักๆคือ จำนวนประชากรของช้างป่าที่เพิ่มมากขึ้น แต่แหล่งอาหาร ที่อยู่ แหล่งน้ำ มีจำกัด มีการปิด-เปิด เส้นทางผ่านป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน หลังจากช้างป่าถูกรถชน สัตว์ป่าดักปล้นรถขนอ้อย-มันสําปะหลัง-สับปะรด ช้างทำร้ายคน แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ช้างป่าพากันออกนอกพื้นที่มากขึ้นและกระจายโดยรอบผืนป่าทั้ง 5 จังหวัดและพากันมาแบบทั้งยกโขลงเป็นร้อยตัว,มาเดี่ยว และมีแนวโน้มกลายเป็นสัตว์ประจำถิ่น มาแล้วไม่กลับคืนที่เดิมเนื่องจากในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งสวนผลไม้, ไร่มันสําปะหลัง, ไร่อ้อย, ไร่ข้าวโพด, นาข้าว, ป่ากล้วย ตลอดจนแหล่งน้ำ

                 ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี พื้นที่มากันสม่ำเสมอได้แก่ ตำบลวังท่าช้าง, ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอกบินทร์บุรีและอำเภอศรีมหาโพธิ โดยจะพากันข้ามฝั่งจากถนนสายสระแก้วตัดใหม่ (สระแก้ว-พนมสารคาม) หรือสาย 359 ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกัน โดยมีผลขัดแย้งกับพื้นที่ อาทิ ช้างป่าถูกรถชนบาดเจ็บ-ตาย ขณะข้ามถนน,ช้างบุกรุกพืชสวนไร่นาพื้นที่การเกษตร,การพังบ้านเรือน,การทำร้ายประชาชนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต,ช้างถูกไฟช็อตตาย เป็นต้น

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!