ปราจีนบุรี-โขลงช้างป่าลุยนาข้าวที่ใกล้เก็บเกี่ยวและบุกไร่มันสำปะหลังของเกษตรกร

ภาพ-ข่าว:มานิตย์ สนับบุญ

            เมื่อเวลา18.00น.วันนี้19ต.ค.65ผู้สื่อข่าวจ.ปราจีนบุรี รายงานว่า ชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวังติดตามผลักดันและแก้ไขปัญหาช้างป่าฯ(อ่างฤาไน) ร่วมกับ ผญ ผช บ.หว้าเอน ม.8 อบต ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี อาสาฯ บ.โปร่งเจริญ ม.12 ต.ท่ากระดาน กำนัน ต.ทุ่งพระยา บ.ทางโค้ง ม.15 บ.หนองย่ากล่อม ม.11 ต.ทุ่งพระยา รายงานผลการปฏิบัติงานชุดที่ 1 เฝ้าระวังติดตามผลักดันช้างป่า ตามที่ได้รับแจ้งว่ามีช้างป่าออกหากินนอกพื้นที่ บริเวณ ป่ายูคา บ.หว้าเอน ม.8 ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ตามรอยผลักดันช้างป่าเคลื่อนตัวออกหากิน มันสำปะหลัง บ.หว้าเอน ม.8 ต.ศรีมหาโพธิ แล้วเคลื่อนตัวออกหากิน เกาะป่ายูคา-มันสำปะหลัง บ.สามขา ม.11 ต.ศรีมหาโพธิ ผลักดันช้างป่าวนกลับหากิน ผ่าน นาข้าว-มันสำปะหลัง บ.หว้าเอน ม.8 ต.ศรีมหาโพธิ ช้างป่า ประมาณ 20+ตัว หากินแล้วเข้าพักอาศัยอยู่ เขาหว้าเอน พื้นที่ บ.หว้าเอน ม.8 ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
             ชุดที่ 2 เฝ้าระวังช้างป่า บริเวณ เขามันเทศ พื้นที่ บ.โคกเสือดาว ม.4 ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขต  ช้างป่าลงเขาแล้วเคลื่อนตัวหากิน บริเวณ นาข้าว บ.หินแร่เก่า-มันสำปะหลัง ม.22 ต.ท่ากระดาน แล้วเคลื่อนหากิน ผ่าน ชายเขาผานาง บ.เขาผานาง ม.13 ต.ท่ากระดาน ช้างป่ามุ่งหน้าหากิน มันสำปะหลัง บ้านนา ม.3 ต.ท่ากระดาน ช้างป่า ประมาณ 80+ตัว หากินแล้วเข้าพักอาศัยอยู่ เขาผานาง (สุ่งยายเอน) พื้นที่ บ้านนา ม.3 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต ช้างป่าอีกกลุ่มประมาณ 20+ตัว หากินมันสำปะหลัง บ.หินแร่ ม.7 ต.ท่ากระดาน แล้วข้ามถนนหลวงชนบท ฉช 5031 (หินแร่-คลองเตย) ช้างป่ามุ่งหน้าหากิน ผ่าน นาข้าว-มันสำปะหลัง บ.ทุ่งวัว ม.13 ต.ทุ่งพระยา ช้างป่าหากินแล้วเข้าพักอาศัยอยู่ เขามันเทศ (สุ่งมะนาว) พื้นที่ บ.ทุ่งวัว ม.13 ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขต
             ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พบกับนายมนตรีชาญกิจผู้ใหญ่บ้านบ้านหว้าเอน หมู่8 กล่าวว่า โขลงช้างป่ามีแม่แปรก-ลูกช้าง4-5ตัว รวมประมาณ 23 ตัว เข้ามาหากินในพื้นที่ ข้ามฝั่งมาจากถนนสายสระแก้วตัดใหม่(พนมสารคาม-สระแก้ว)หรือสาย359 เข้ามาหากินในพื้นที่ โดยต่อเนื่อง ที่ผ่านมาทางหมู่บ้านร่วมกับทางป่าไม้ได้จัดชุดเฝ้าระวังเตือนภัยช้างป่าแก่ชาวบ้านให้ทราบความเคลื่อนไหวโขลงข้างป่าผ่านหอกระจายข่าว ผ่านกลุ่มไลน์ป้องกันเกิดอันตราย แก่ชาวบ้านรวมถึงพื้นที่เลือกสวนไร่นา โดยพื้นที่การเกษตรที่น่าห่วงตอนนี้ ทั้งนาข้าว,ไร่ข้าว โพด,ไร่อ้อยและมันสำปะหลัง ที่กำลังให้ผลผลิตโดยได้ทำการผลักดันให้โขลงช้างป่ากลับคืนถิ่นโดยย้อนกลับผ่านถนนสายสระแก้วตัดใหม่(พนมสารคาม-สระแก้ว)หรือสาย359 แต่ช้างมักย้อนกลับคืนย้อนกลับมาเสมอ นอกจากโขลงช้างโขลงแม่แปรกจำนวน20ตัวบวกแล้ว ยังมีช้างป่าเพศผู้อีก2ตัวที่แยกฝูงออกมาหากินและอยู่ในพื้นที่เขาหว้าเอนไม่ไปไหน
             ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไป ปัญหาช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จังหวัดฉะเชิงเทรา (ในพื้นที่หล่มต่ำผืนสุดท้ายในป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จังหวัดฉะเชิงเทรา ,จังหวัดสระแก้ว,จังหวัดชลบุรี,จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดระยอง) มีมาเนิ่นนานนับ 30 ปีที่ผ่านมา ระยะแรกเพียงในพื้นที่ ช้างป่าออกจากพื้นที่มานอกเขตอำเภอสนามสนามชัยเขต,อำเภอท่าตะเกียบ จนต้องมีการสร้างคู-รั้วกั้นช้างป่า แต่ไม่สามารถยับยั้งได้ เนื่องจากสาเหตุหลักๆคือ จำนวนประชากรของช้างป่าที่เพิ่มมากขึ้น แต่แหล่งอาหาร ที่อยู่ แหล่งน้ำ มีจำกัด มีการปิด-เปิด เส้นทางผ่านป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน หลังจากช้างป่าถูกรถชน สัตว์ป่าดักปล้นรถขนอ้อย-มันสําปะหลัง-สับปะรด ช้างทำร้ายคน แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาช้างป่าพากันออกนอกพื้นที่มากขึ้นและกระจายโดยรอบผืนป่าทั้ง 5 จังหวัดและพากันมาแบบทั้งยกโขลงเป็นร้อยตัว,มาเดี่ยว และมีแนวโน้มกลายเป็นสัตว์ประจำถิ่น มาแล้วไม่กลับคืนที่เดิมเนื่องจากในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งสวนผลไม้, ไร่มันสําปะหลัง, ไร่อ้อย, ไร่ข้าวโพด, นาข้าว, ป่ากล้วย ตลอดจนแหล่งน้ำ
            ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี พื้นที่มากันสม่ำเสมอได้แก่ ตำบลวังท่าช้าง, ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอกบินทร์บุรีและอำเภอศรีมหาโพธิ โดยจะพากันข้ามฝั่งจากถนนสายสระแก้วตัดใหม่ (สระแก้ว-พนมสารคาม) หรือสาย 359 ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกัน โดยมีผลขัดแย้งกับพื้นที่ อาทิ ช้างป่าถูกรถชนบาดเจ็บ-ตาย ขณะข้ามถนน,ช้างบุกรุกพืชสวนไร่นาพื้นที่การเกษตร,การพังบ้านเรือน,การทำร้ายประชาชนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต,ช้างถูกไฟช็อตตาย เป็นต้น ทางกรมอุทยานฯ พยายามเร่งแก้ไข อาทิ จัดชุดเฝ้าระวัง-ผลักดันช้างป่า,วิจัยสร้างแหล่งอาหาร ฯลฯ