เพชรบุรี-หนุ่มท่ายาง นำซากหมูที่ตายจำนวนมากมาทิ้งในบ่อบำบัดน้ำเสียสร้างความเดือดร้อน

เพชรบุรี-หนุ่มท่ายาง นำซากหมูที่ตายจำนวนมากมาทิ้งในบ่อบำบัดน้ำเสียสร้างความเดือดร้อน

ภาพ/ข่าว:สุรพล นาคนคร

           หนุ่มท่ายาง ทนไม่ไหวเมื่อฟาร์มหมูใกล้บ้านนำซากหมูที่ตายจำนวนมากมาทิ้งในบ่อบำบัดน้ำเสียของฟาร์มนับร้อยตัว สร้างมลพิษกลิ่นเหม็นของซากหมูสร้างความเดือดร้อนรำคาญ หนักไปกว่าเดิมเมื่อภรรยาซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนไปตรวจสุขภาพแพทย์แจ้งว่า น้ำหนักของแม่ผิดปกติ อาจมีผลกระทบต่อทารกที่อยุ่ในครรภ์ จึงได้ไลฟ์เฟสต์บุ๊กค์หาความรับผิดชอบต่อผู้เกี่ยวข้องให้แสดงความรับผิดชอบด้วย เพราะทนกลิ่นเหม็นมานาน

                จากกรณีที่มีชายคนหนึ่งโพสต์ภาพลงเฟสต์บุกส์ว่า พบฟาร์มเลี้ยงหมูนำซากหมูที่ตายโยนทิ้งลงบ่อบำบัดน้ำเสียภายในฟาร์มแล้วส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว่พื้นที่โดยเฉพาะบริเวณบ้านพักตนเองที่อยุ่ติดกับบ่อบำบัดน้ำเสียดังกล่าว ล่าสุดผู้สื่อข่าวของเราได้เดินทางไปตามภาพที่ร้องเรียนเพื่อหาต้นตอของภาพว่าเป็นอย่างไร โดยได้พบกับนายสิทธิโชค ศรีสังข์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107/2 บ้านหนองแจง ต.ท่ายาง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี อาชีพรับจ้าง โดยสิทธิโชคได้พาผู้สื่อข่าวเดินทางไปดูที่บริเวณบ่อบำบัดน้ำเสียของฟาร์มหมูดังกล่าว สภาพหลังฟาร์มติดกับทุ่งนาและคลองชลประทาน พบบ่อบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ จำนวน 3-4 บ่อ โดยบ่อที่เราไปพบ มีซากหมูตายจำนวนมากเกือบ 100 ตัว ถูกโยนทิ้งลอยอยู่ในน้ำเสียส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว โดยสิทธิโชคเล่าว่า ก่อนหน้าก็เหม็นกลิ่นขึ้หมูเนื่องจากบ่อบำบัดน้ำเสียของฟาร์มหมูไม่ได้มาตรฐาน ต่อมาเริ่มเหม็นกลิ่นเหมือนซากสัตว์ตาย ตนจึงไล่ตามกลิ่นกระทั่งมาถึงบริเวณบ่อบำบัดน้ำเสียของฟาร์มดังกล่าว ก็พบซากหมูเกือบร้อยตัวที่ตายแล้วถูกนำมาโยนทิ้งไว้อย่างไม่มีความรับผิดชอบ ตนจึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าของฟาร์มแก้ไขให้ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย เพราะตนเองมีภรรยากำลังท้องแก่ 7 เดือน ล่าสุดพาไปตรวจครรภ์ หมอบอกว่าน้ำหนักตัวแม่ไม่เพิ่ม ถือว่าผิดปกติและอาจมีอันตรายไปถึงทารกในครร์ภ์และตัวแม่เด็กด้วยจึงอยากให้เจ้าของฟาร์และหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่ง่แก้ไข โดยตนเองได้ร้องเรียนผ่านไปยังผู้ใหญ่บ้านและเทศบาลตำบลท่ายางแล้ว
               สายวันเดี่ยวกัน นางนฤมล กิจพ่วงสุวรรณ นายกเทศมนตรีตำบลท่ายาง ได้พาเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขของเทศบาลไปตรวจบริเวณดังกล่าว โดยสอบถามเจ้าของฟาร์มว่าเกิดจากอะไร โดยเจ้าของฟาร์มอ้างว่า หมูตายจำนวนมาก ตนเองฝังไม่ทัน จึงนำมาทิ้งไว้หลังฟาร์มก่อน จะทยอยฝังจนกว่าจะหมด โดยนายกเทศมนตรีตำบลท่ายาง ก็ได้ประสานให้ทางกองช่างนำเครื่องจักรกลเข้ามาเพื่อช่วยดำเนินการฝังซากหมูดังกล่าว ขณะที่นางขนิษฐา ธิติดิลกรัตน์ ปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า ทางปศุสัตว์อำเภอท่ายางได้รายงานเรื่องดังกล่าวเข้ามาแล้ว ซึ่งการที่สัตว์เลี้ยงตายโดยผิดปกติทางฟาร์มหรือผู้เลี้ยงจะต้องแจ้งให้ทางปศุสัตว์ทราบภายใน 12 ชั่วโมง เพื่อทำการตรวจเหตุที่ตายว่า เป็นโรคระบาดสัตว์หรือไม่ หากปกปิดหรือหลียกเลี่ยงก็จะมีความผิด ที่สำคัญ เมื่อทางปศุสัตว์ได้รับแจ้ง ก็จะช่วยในการตรวจพิสูจน์ว่าตายจากอะไรและควรกำจัดซากด้วยวิธีใดที่เหมาะสม อาจจะโดยการฝังหรือการเผา และทางปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ช่วยกันดำเนินการอย่างถูกวิธี ป้องกันการแพร่ระบาด

              สำหรับเรื่องหมูตายมีเรื่องสืบเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.64 มีประเด็นลักลอบเคลื่อนย้ายนำสุกรไปทิ้งในที่สาธารณะและคลองชลประทาน ซึ่งมีการตั้งรางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสเป้นจำนวนเงิน 10,000 บาท ต่อมาทราบว่าด่านกักสัตว์เพชรบุรี ได้สกัดจับผู้ที่ลักลอบเคลื่อนย้ายหมู เมื่อคืนวันที่ 28 พ.ค.ด้วย ทำให้ไม่นิ่งนอนใจ ได้เร่งค้นหาฟาร์มที่มีสัตวืป่วย โดยการสำรวจและเก็บตั้วอย่างในรัศมี 5 กม. และมีฟาร์มในรัศมีดังกล่าว 11 ฟาร์ม ผลตรวจโดยศูนยฺวิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันตกออกมาแล้วว่า ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ส่วนฟาร์มที่พบล่าสุดเจ้าของฟาร์มแจ้งว่าไม่มีสุกรแล้ว มีการพักเล้า และได้ให้ปศุสัตว์อำเภอท่ายางตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า ไม่ได้ทำลายซากสัตว์อย่างถูกวิธี จึงสั่งการให้ออกคำสั่งเป็นหนังสือเมื่อวันที่ 6 พ.ค.2564 ให้เจ้าของ ฝัง หรือเผา ตามาตรา 13(2) หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของสัตวแพทย์ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หริอปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังต้องดำเนินคดีตามมาตรา 11 ที่ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ภายในเวลา 12 ชม.ตั้งแต่ทราบว่าสัตว์ป่วยตาย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทำจำทั้งปรับ โดยระหว่างนี้ได้นำซากหมูที่ตายไปตรวจหาส่าเหตุการตายเพิ่มเติมแล้ว

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!