นครสวรรค์-มจร นครสวรรค์ สัมมนาวิชาการ

นครสวรรค์-มจร นครสวรรค์ สัมมนาวิชาการ

ภาพ/ข่าว:วสุกิจจ์ เหล่าอินทร์

          มจร นครสวรรค์ สัมมนาวิชาการ”การแก้รัฐธรรมนูญ เป็นทางรอดหรือทางตันทางการเมืองประเทศไทย” อดีตนายกรัฐมนตรี เผย แก้รัฐธรรมนูญเป็นสิ่งจำเป็นแต่ไม่ง่าย แนะเร่งสร้างฉันทามติเพื่อนำไปสู่ประชามติ

          พระราชรัตนเวที,ผศ.ดร. ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ ผศ.ศศิกิจจ์ อ่ำจุ้ย รองผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ ผศ.ดร.อานนท์ เมธีวรฉัตร ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต ผศ.ดร.ศิริโรจน์ นามเสนา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป ผศ.คร.อัครเดช พรหมกัลป์ ผอ.บัณฑิตวิทยาลัย อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต,รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต ร่วมกันต้อนรับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ในการมาบรรยายทางวิชาการในนามหลักสูตรรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ จัดขึ้นในหัวข้อ”การแก้รัฐธรรมนูญ เป็นทางรอด หรือทางตัน การเมืองประเทศไทย” โดยมีนิสิต นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยภาคกลาง วิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์ พ่อค้า ประชาชน เดินทางร่วมรับฟังและซักถามจำนวนเกือบ 1,000 คน จนแน่นหอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครสวรรค์
           นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าในช่วงหนึ่งของการสัมมนาว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันขอยืนยันว่าตนเองไม่ยอมรับตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และขณะนี้รัฐธรรมนูญถูกบังคับใช้แล้วกำลังสร้างปัญหาทางการเมืองด้วย หลายประเด็นในรัฐธรรมนูญสร้างปัญหาทางการเมืองมาก จะเห็นได้จากการเลือกตั้งที่ผ่านมามีการได้เปรียบ เสียเปรียบ ทุจริตการเลือกตั้งรุนแรงครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย รวมไปถึงการคิดผลคะแนนจะเห็นได้จาก สส.ที่เข้าสภามีคะแนนต่ำมาก ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการร่างรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น และต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถูกออกแบบเพื่อให้รัฐบาลได้อยู่ในอำนาจต่อไป และไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปอีกนานขนาดไหน จะเห็นว่าเจตนาของผู้ร่างออกแบบคล้ายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2521 ซึ่งตนยืนยันว่าระบอบประชาธิปไตยจะสามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ และขณะนี้ประชาชนพูดเรื่องปัญหาความยากจนน้อยลง แต่จะพูดเรื่องปัญหาความเลื่อมล้ำมากขึ้น ดังนั้นตนยืนยันว่าหากรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยจะสามารถช่วยประชาชนได้แน่นอน
            “การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งจำเป็นมาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เนื่องจากผู้ที่ต้องการแก้ไขและผู้ที่ไม่ต้องการแก้ไข มีจำนวนไม่แตกต่างกันมากนัก กำลังจะกลายเป็นประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองในอนาคต จนกลับไปสู่ภาวะการเมืองแบบแบ่งฝ่ายตามมา หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหยิบเอาประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญไปใช้ทางการเมือง จะยิ่งเกิดความขัดแย้งรุนแรงตามมาอีก”อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าว
              นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นการชูประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญจึงเปาะบาง หากนักการเมืองเองไม่ตั้งหลักหรือไม่จริงใจยิ่งจะเกิดปัญหาตามมา ขณะนี้พรรคฝ่ายค้านเร่งผักดันการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลเองยังไม่แสดงเจตนาให้สังคมได้รับรู้เลย สังคมยังไม่เห็นจุดที่ฝ่ายการเมืองทั้งสองฝ่ายคิดตรงกัน แต่กลับเห็นมิติความขัดแย้งทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ
               นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่าหากจะแก้ตามกรอบของรัฐบาลต้องทำประชามติ เพื่อขอแก้รัฐธรรมนูญมาตราเดียว คือให้แก้รัฐธรรมนูญได้ก็ต้องทำประชามติ มีขั้นตอนใช้ระยะเวลาอีกเป็นปี แค่หากจะแก้ตามกรอบของพรรคฝ่ายค้าน มีกระบวนการคล้ายการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ต้องใช้เวลา 12-24 เดือน จึงเริ่มเห็นหลายฝ่ายออกมาเคลื่อนไหวเพื่อหาฉันทามติ นำไปสู่การทำประชามติในอนาคต

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!