ประจวบคีรีขันธ์-กำนันหนุ่ย ลูกชายอดีต รมต.เกษตรฯประกาศชัยชนะหลังนำชาวบ้านค้านฟาร์มหมูขนาดใหญ่

ภาพ/ข่าว: พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา

            กำนันหนุ่ย ลูกชายอดีต รมต.เกษตรฯประกาศชัยชนะหลังนำชาวบ้านค้านฟาร์มหมูขนาดใหญ่ในพื้นที่ต้นแม่น้ำกุยบุรี

            วันที่ 26 กรกฎาคม 2565 ชาวบ้านจำนวนมาก นักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ จากตำบลใกล้เคียงและทุกหมู่บ้านใน ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมารวมตัวที่วัดโป่งกะสัง พร้อมนำบัตรประชาชนมาแสดงเป็นหลักฐาน ลงชื่อคัดค้านการก่อสร้างฟาร์มหมูขนาดใหญ่ของบริษัทเอกชนจาก จ.ราชบุรี หลังจากเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 บริษัทมีการทำประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่โครงการ ที่ศูนย์โอทอป หมู่ 7 บ้านรวมไทย มีประชาชนมาร่วมกว่า 500 คน เสียงข้างมากเห็นด้วยให้สร้างฟาร์มหมูในที่ดินของเอกชน ใกล้อ่างเก็บน้ำบ้านยางชุม ในโครงการตามพระราชดำริ แต่ประชาขนทั้งอำเภอเกรงว่าจะได้รับผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ต้นแม่น้ำกุยบุรี ขณะที่ที่ประชาชนใน อ.กุยบุรีและ อ.เมืองประจวบฯใช้ประโยชน์จากแม่น้ำกุยบุรีเพื่อการอุปโภค บริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร

              ต่อมานายพีรพล ประจวบเหมาะ หรือกำนันหนุ่ย บุตรชายอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ได้ประกาศชัยชนะของภาคประชาชน ผ่านเครื่องขยายเสียง ภายหลังเจ้าของบริษัทฟาร์มหมูแจ้ง เอกสารถึง อบต. หาดขาม เพื่อยกเลิกการทำประชาพิจารณ์และขอยกเลิกการทำฟาร์มหมูที่หมู่ 7 บ้านรวมไทย ลงนามโดยกรรมผู้จัดการบริษัท วี ซี เอฟ กรุ๊ป จำกัด มีหลักฐานว่า อบต.หาดขามรับเอกสารดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นถือว่ามีข้อยุติในการทำโครงการฟาร์มหมูขนาดใหญ่ จากนั้นกำนันหนุ่ยปราศรัยขอโทษเจ้าของบริษัทที่เข้ามาลงทุน ซึ่งอาจมีความประสงค์ดีในการจ้างงานสร้างรายได้ แต่การประกอบกิจการทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มั่นใจผลกระทบสิ่งแวดล้อม จากกลิ่นหรือระบบบำบัดน้ำเสีย รวมทั้งขอโทษนายทุนเจ้าของที่ดินที่จะมีรายได้จากการขายที่ดินหลายร้อยไร่ให้กับบริษัทฯเพื่อสร้างฟาร์มหมู ด้าน นายบุญมา ศรีสวัสดิ์ กำนันตำบลหาดขาม ได้ยื่นหนังสือให้ผ่ายปกครองอำเภอ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ค้านการก่อสร้างฟาร์มหมู พร้อมกล่าวว่า ผู้นำท้องที่ใน ต.หาดขามทุกหมู่บ้านจะไม่ปล่อยให้สายน้ำกุยบุรีที่หล่อเลี้ยงคนกุยมายาวนานต้องจบในยุคของพวกเรา พวกเราไม่ยอมให้วิถีชีวิตที่เป็นธรรมชาติของกุยบุรีต้องหมดไป แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติต้องเปลี่ยนไป ส่วนตัวต้องขอโทษกลุ่มประชาขนที่เคยสนับสนุนโครงการนี้ในการทำประชาพิจารณ์