ราชบุรี-คืบหน้าเมียร้องผัวหอบเงินถูกรางวัล 12 ล้านหนี

ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย(เต้)

คืบหน้า  เมียร้องผัวหอบเงินถูกรางวัล 12 ล้าน หนี

              จากกรณีที่ น.ส.ณัฐนันท์ สิริสุขธนานนท์ อายุ 45 ปี เข้าร้องต่อ ทนายรณณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ช่วยติดตามเงินที่ถูกรางวัลสลากกินแบ่งงวดวันที่ 1 กุภาพันธ์ 2563 จำนวน 12 ล้านบาท แต่ถูกนายวรายุ สุขสวัสดิ์ อายุ 51 ปี สามี ที่อยู่กินกันมา 2 ปี ได้นำไปขึ้นเงินแล้วหายหน้าไปไร้การติดต่อ โดยอ้างว่าได้ซื้อมาจากแม่ค้าเร่ภายในวัดพระศรีอารย์ ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
                  ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ไปที่ วัดพระศรีอารย์ จ.ราชบุรี โดยพบกับนายชัยวิชิต เนตรวงศอินทร์ พ่อค้าขายสลากกินแบ่ง ได้บอกว่า ไม่เคยพบ น.ส.ณัฐนันท์ และสามี เพราะตนเองไม่ได้ขายสลากกินแบ่งเป็นประจำที่นี้ ส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้าสลากกินแบ่งที่นี้จะเป็นพวกเร่ขาย แต่ตนเคยได้ยินจากคนอื่นว่า น.ส.ณัฐนันท์ และสามี มาซื้อสลากกินแบ่งที่นี้แล้วถูรางวัลที่ 1 จริง แต่ไม่รู้ซื้อกับใคร เพราะวันนั้นมีคนขายสลากกินแบ่งอยู่ 3 เจ้า เจ้าหนึ่งเป็นผู้ชายสูงอายุ ส่วนอีกเจ้าเป็นผู้หญิง และอีกเจ้าเป็นเด็กมาขาย ซึ่งตนได้ยินจากเพื่อนว่า น.ส.ณัฐนันท์ และสามี ซื้อกับเด็ก แต่เด็กคนนั้นได้มาขายแล้ว เนื่องจากติดโควิด-19 จึงไม่รู้ซื้อกับใครกันแน่
               ส่วนนางสุวรรณี แอมประชา แม่ค้าขายสลากกินแบ่ง บอกว่า ตนไม่รู้เรื่องของ น.ส.ณัฐนันท์ และสามี ซื้อสลากกินแบ่งและถูกรางวัลที่ 1 และไม่ถูกว่าซื้อกับเจ้าไหน เพราะส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้าที่มาขายที่่นี้จะเป็นพ่อค้าแม่ค้าเร่ขาย จะมีเจ้าประจำอยู่เจ้าเดียว เพราะมีบ้านอยู่ที่นี้ ซึ่งจุดขายสลากกินแบ่งที่วัดพระศรีอารย์ จะมีทั้งหมด 3 จุด คือจุดหน้าโบสถ์ ท้ายโบสถ์ และลานจอดรถ ด้านหน้ากุฏิหลวงพ่อขันธ์ ที่พบพระกุแตก และตนเชื่อว่าไม่มีพ่อค้าแม่ค้าเจ้าไหนจำได้หรอกว่า น.ส.ณัฐนันท์ และสามี ซื้อสลากกินแบ่งกันตัวเอง เพราะเลขที่ทั้ง 2 ซื้อไปไม่ใช่หวยชุด เพราะทุกวันนี้สลากกินแบ่งจะเป็นแบบร้อยหวยร้อยใบ เลขจะไม่เหมือนกันเลย จึงไม่น่ามีใครจำได้ว่าซื้อกับใคร ยกเว้นคนที่ซื้อไปเท่านั้นบอกว่าซื้อไปแล้วถูกรางวัล
                ด้านพระอาจารย์สุเทพ สฺเทวโล พระดูแลวิหารหลวงพ่อขันธ์ พระลูกวัดพระศรีอารย์ ได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 3 วันก่อน หลัง น.ส.ณัฐนันท์ จะเป็นข่าว อาตมาได้พบ น.ส.ณัฐนันท์ ได้มาที่วัดพระศรีอารย์ กับเพื่อ 2 คน เพื่อมากราบไหว้ขอพรหลวงพอขันธ์ ให้ชนะคดี ซึ่งตอนแรกอาตมาไม่รู้ว่าเขามีเรื่องเดือดร้อนอะไร อาตมาก็ให้ธรรมะไป และน.ส.ณัฐนันท์ จึงระบายออกมาว่า ตนถูกรางวัลที่ 1 และถูกผัวโกงไป พรุ่งนี้ตนจะไปฟ้องทนาย หรือจะฟ้องสื่อสารมวลชน อาตมาจึงกลัวว่า น.ส.ณัฐนันท์ จะคิดมากและจะคิดสั้น จึงมานั่งฟัง น.ส.ณัฐนันท์ ระบายความทุกข์ให้ฟัง พอฟังจบจึงพยายามให้ธรรมะสอนใจ ซึ่งน.ส.ณัฐนันท์ ก็รู้สึกดีขึ้น แต่อาตมาไม่รู้ว่า น.ส.ณัฐนันท์ กับสามี มาซื้อสลากกินแบ่งที่วัดเมื่อไหร่ เพราะตอนนั้นมันช่วงเจอพระกุแตกที่กุฏิหลวงพ่อขันธ์ ทำให้มีประชาชนเดินทางมากราบไหว้กันมาก และช่วงั้นอาตมาก็ไม่ได้อยู่ที่วัดเพราะเดินทางไปสอนธรรมะที่จังหวัดอื่น กลับมาช่วงเข้าสถานการณ์โควิด-19 ระบาดแล้ว จึงไม่มีใครมาที่วัดและไม่มีใครมาขายสลากกินแบ่งที่วัดเช่นกัน
              ส่วนพระครูวิทิตพัฒนโสภณ เจ้าอาวาสวัดพระศรีอารย์ เปิดเผยว่า หลังพบพระกุแตกช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ใต้แท่นตั้งโลงแก้ว ซึ่งได้บรรจุสรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงปู่ขันธ์ อดีตท่านเจ้าอาวาส ทำให้มีผู้คนเดินทางเข้ามากราบไหว้และเช่าบูชาพระยอดขุนพลที่วัดเป็นจำนวนมาก จึงมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเร่ขายสลากกินแบ่งเดินทางมาหารายได้กันเป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งทางวัดจะไม่ให้ตั้งแผงขายสลากกินแบ่งแบบถาวร ซึ่งน.ส.ณัฐนันท์ ที่อ้างว่าได้มาซื้อสลากดังกล่าวที่วัด จึงอาจเป็นไปได้ เพราะอาตมารู้สึกคุ้นหน้าว่า เคยมาทำบุญที่วัด แต่จำไม่ได้ว่ามากับสามีหรือไม่ เพราะในช่วงนั้นมีญาติโยมเข้ามาที่วัดกันเยอะมาก และไม่สามารถตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าวิหารหลวงพ่อขันธ์ได้ เนื่องจากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้บันทึกภาพได้แค่เพียง 7 วัน แต่เหตุการณ์ของน.ส.ณัฐนันท์ ผ่านมากว่า 4 เดือนแล้ว จึงไม่สามารถย้อนดูภาพได้

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/