อยุธยา-ตรวจสอบและอายัดถังสารเคมีส่งกลิ่นเหม็นหลัง ชาวบ้านทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว

อยุธยา-ตรวจสอบและอายัดถังสารเคมีส่งกลิ่นเหม็นหลัง ชาวบ้านทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว

ภาพ – ข่าว นราเอก ตันศิริ / นพดล บำเพ็ญสัตย์

นายอำเภอภาชี สนธิกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและอายัดถังสารเคมีส่งกลิ่นเหม็นหลัง ชาวบ้านทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว ร้องเรียนให้ตรวจสอบ

                เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 นางสาวอภิสรา เกษอินทร์ นายอำเภอภาชี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีระวุฒิ แสงมณี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฝ่ายปกครองอำเภอภาชี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภาชี เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ สาธารณสุขอำเภอภาชี เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมเทศบาลตำบลภาชี กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเข้าตรวจสอบ โกดังแห่งหนึ่งริมถนนสุวรรณศร เส้นทาง ภาชี หินกอง ตำบลภาชี อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงโกดังดังกล่าวได้รวมตัวกันเข้าร้องเรียนกับทางอำเภอภาชีว่า โกดังดังกล่าวมีกลิ่นเหม็นคล้ายกับสารเคมี และปล่อยน้ำที่มีสีแดงขุ่นลงแหล่งน้ำสาธารณะ ที่ชาวบ้านสูบเข้าไปทำการเกษตรกรรม เกิดความเสียหายกับนาข้าวและพื้นที่เกษตรของชาวนา มากว่า 5 เดือนแล้ว
               นางสาวอภิสรา เกษอินทร์ นายอำเภอภาชี. กล่าวว่า หลังจากที่ชาวบ้านได้รวมตัวกันร้องเรียนเข้ามาจึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานเข้าทำการตรวจสอบ โกดังดังกล่าว พบว่ามีการซุกซ่อนมีสารเคมีจริงโดยซุกซ่อนไว้ในกระบะบรรทุก แแล้วนำขยะปกติอำพรางเอาไว้ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ และเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตรวจสอบ พบว่ามีความเข้มข้นที่ค่า PH 1.3 ซึ่งมีความเข้มข้นสูง จึงได้อายัดสารเคมีทั้งหมดและรถที่ขนย้าย นอกจากนี้ยังพบการทิ้งสารเคมีในบ่อหน้าโกดัง และใช้ดินกลบ ปกปิดเอาไว้อีกด้วย ซึ่งบ่อดังกล่าว เป็นต้นเหตุที่ทำให้ส่งกลิ่นเหม็น และได้มีการปล่อยนน้ำเสียซึ่งมีสารเคมีปะปนลงตามท่อระบายน้ำ ลงสู่คลองส่งน้ำที่ชาวบ้านสูบขึ้นมาทำเกษตรกรรมอีกด้วย ซึ่งผลกระทบ ดังกล่าว ชาวบ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับการปล่อยน้ำเสียผสมสารเคมีลงแหล่งน้ำธรรมชาติต่อไป
                ทางด้าน พ.ต.อ.ธีรวุฒิ แสงมณี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ได้ร่วมตรวจสอบ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการอายัดและได้ปิดกั้นไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในโกดังดังกล่าว เนื่องจากเป็นสารเคมีที่มีพิษ และห้ามมีการเคลื่อนย้ายพร้อมทั้งเร่งรัดให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ สอบปากคำผู้ที่มีผลกระทบและได้รับความเดือดร้อนเพื่อดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องับการซุกซ่อนสารเคมีอันตรายต่อไป
                  จากการตรวจสอบยังพบอีกว่าผู้ที่ประกอบกิจการดังกล่าว ได้นำสารเคมีไปทิ้งไว้ที่อำเภอหนองแคจังหวัดสระบุรี เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่าน ปัจจุบันได้มาประกอบกิจการที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยผู้ประกอบกิจการดังกล่าวได้เกี่ยวข้องอีกหลายโรงงานซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดเพชรบูรณ์ และจะย้ายที่ไปในหลายๆที่ จึงต้องมีการเก็บรวบรวมหลักฐานและขยายผลไปยังแหล่งต่างๆ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้มีการปล่อยสารเคมีลงแหล่งธรรมชาต และไม่ให้สร้างความเดือดร้อนอีกต่อไป

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!