เพชรบูรณ์-ประชุมกลุ่มคนรักบ้านเกิดและสำนึกรักษ์ห้วยใหญ่

เพชรบูรณ์-ประชุมกลุ่มคนรักบ้านเกิดและสำนึกรักษ์ห้วยใหญ่

ภาพ/ข่าว:สนม บุญจันทึก

ประชุมกลุ่มคนรักบ้านเกิดและสำนึกรักษ์ห้วยใหญ่

                   วันที่ 15 มกราคม ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ นายปัณณทัต ปานเงิน ตัวแทนภาคประชาชน กลุ่มคนรักบ้านเกิดจังหวัดเพชรบูรณ์และสำนึกรักษ์ห้วยใหญ่ พร้อมร.ต.ต.สุขสัณห์ ภิชัย, นายวิริทธ์พล หิรัญรัตน์, นายสนม บุญจันทึก ตัวแทน 3 สมาคมสื่อมวลชนของจังหวัดเพชรบูรณ์ ยื่นหนังสือต่อนายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อให้เร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาค่าฝุ่น PM2.5 ซึ่งเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา เครื่องตรวจวัดอากาศที่อ.วิเชียรบุรีและอ.เมืองเพชรบูรณ์ รวม 2 จุด แจ้งผลตรวจวัดค่าฝุ่น PM2.5 เพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ จนน่าวิตกว่าจะเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ส่วนสาเหตุปัจจัยหลักเชื่อว่ามาจากการเผาไร่อ้อย โดยมีนายยชญ์สุธา วิชัยธนพัฒน์ ประธานหอการค้าเพชรบูรณ์และนายสุรชาติ ไตรสูงเนิน ตัวแทนพรรคอนาคตใหม่(อนค.)เพชรบูรณ์ร่วมเสนอปัญหาด้วย
                   ทั้งนี้ข้อเสนอและมาตรการที่องค์กรภาคประชาชนและสื่อมวลชน ได้นำเสนอต่อทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง, ให้โรงงานน้ำตาลจัดหารถตัดอ้อยสนับสนุนชาวไร่อ้อยให้พอเพียง, หากไม่สามารถควบคุมการเผาอ้อยได้ให้ลดพื้นที่การเพาะปลูกอ้อยลง, ติดตั้งเครื่องวัดอากาศ PM2.5ในอำเภอที่สุ่มเสี่ยงเกิดปัญหามลภาวะให้ครบ, ยกเลิกโครงการก่อสร้างโรงงานน้ำตาลแห่งที่ 3 ต.ห้วยใหญ่ อ.เมืองเพชรบูรณ์, การจัดทำงานรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ให้ขยายพื้นที่รับฟังให้ครอบคลุมประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งในระดับอำเภอและในระดับจังหวัด
                    ทั้งนี้นายสืบศักดิ์ได้กล่าวชี้แจง ทางจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจเมื่อวานนี้ได้มีการเรียกประชุม มีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและตัวแทนโรงน้ำตาลทั้ง 2 แห่ง รวมทั้งตัวแทนสมาคมชาวไร่อ้อยเข้าร่วม ซึ่งได้รับแจ้งว่านโยบายของรัฐบาลกำหนดให้หลังจากนี้อีก 3 ปีจะไม่ให้มีการเผาไร่อ้อย โดย ในปีนี้มติครม.หรือนโยบายรัฐบาลให้อ้อยที่จะเข้าที่โรงงานน้ำตาลเป็นอ้อยเผาไม่เกิน 50 และอ้อยตัดไม่เกิน 50 ส่วนปีที่ 2 อ้อยเผาเหลือร้อยละ 25 และปีที่ 3 อ้อยเผาต้องเป็นศูนย์ ส่วนโรงงานน้ำตาล 2 แห่งเมื่อตรวจสอบแล้วโรงงานน้ำตาลไทยอุตสาหกรรมที่ อ.บึงสามพันมีอ้อยเผาเข้าร้อยละ 49 และอ้อยตัดเข้าร้อยละ 51 ถือว่าทำตามนโยบายรัฐบาล แต่โรงงานน้ำตาลไทยรุ่งเรืองที่ อ.ศรีเทพมีอ้อยเผาเข้าร้อยละ 63 และอ้อยตัดเข้าร้อยละ 37 ถือว่าไม่ทำตามนโยบายรัฐบาล โดยทางโรงงานอ้างว่าอ้อยเผามาจากจังหวดอื่น ฉะนั้นในบ่ายวันนี้จะประชุมอนุกรรมการบริหารส่วนท้องถิ่นเขตที่ 2 เพื่อออกมาตรการซึ่งจะต้องเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล

“หลังจากออกมาตรการในวันนี้จะให้ทางโรงงานน้ำตาลแจ้งอ้อยที่จะเข้าโรงงานทุกวัน และต้องเป็นไปตามนโยบายรัฐคือ อ้อยเผาและอ้อยสดต้อง 50:50 และปีหน้าต้องเหลืออ้อยเผาร้อยละ 25 ให้ได้ ส่วนปัญหาการปลูกอ้อยบ้านเราปลูกไม่เข้าระบบการตัดโดยรถตัด ซึ่งการปลูกต้องมีระยะห่าง 1.5 เมตร แต่ปัจจุบันปลูกกัน 1-1.2 เมตรเพื่อให้ได้จำนวนเยอะทำให้ใช้รถตัดไม่ได้ เพราะฉะนั้นการปลูกอ้อยครั้งนึงได้ 3 ปี รัฐบาลจึงให้นโยบายครบ 3 ปีต้องปรับเปลี่ยนระยะการปลูกให้ห่าง 1.5 เมตรทุกไร่ ปีนี้จึงต้องทำตามนโยบายก่อนจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้

นายสืบศักดิ์กล่าวว่า แต่หากมีการทำผิดนโยบายทางจังหวัดก็ต้องรายงานให้ทาง รมว.กระทรวงอุตสาหกรรมรับทราบว่า โรงงานน้ำตาลไหนไม่ทำตามนโยบายรัฐบาล ฉะนั้นการเผาไร่อ้อยไม่ใช่รัฐบาลอยู่เฉยๆ แต่ได้พูดคุยกับสมาคมชาวไร่อ้อยและโรงงานแล้ว เดิมการปลูกอ้อยทำเพื่อเผาแต่หากปลูกเพื่อเป็นอ้อยตัดรัฐบาลให้เวลา 3 ปีในการปรับเปลี่ยน ส่วนเรื่องอ้อยมีคณะกรรมการนโยบายอ้อยแห่งชาติกำกับดูแลอยู่ ผู้ว่าฯมีหน้าที่ทำตามนโยบายฯ แต่หากมีอะไรก็จะต้องปรับให้ถูกต้อง ทั้งนี้ก็ต้องเห็นใจชาวไร่ที่ปลูกอ้อยกันมาเป็นวิถีชีวิตกันแบบนี้ แต่จะทำให้คนเพชรบูรณ์เดือดร้อนก็คงไม่ได้จึงต้องช่วยกันแก้ปัญหา

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!