สระแก้ว-คัดกรองชาวจีนที่เดินทางจากกัมพูชาเข้ามาในราชอาณาจักรไทย

ภาพ/ข่าว:สวาท เกตุงาม
ขอบคุณภาพ : เพลิน พิมพ์อรัญ

ชายแดนสระแก้วคุมเข้ม คัดกรองชาวจีนที่เดินทางจากกัมพูชาเข้ามาในราชอาณาจักรไทย

                         เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 27 มกราคม 2563 ที่บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.ตม.จว.สระแก้ว พร้อมด้วยนายธนกกฤต สายสิญจน์ หัวหน้าหน่วยควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ประจำด่านพรมแดนอรัญประเทศ และ เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ทำการตั้งจุดคัดกรองที่บริเวณอาคาร ตรวจคนเข้าเมือง ขาเข้าประเทศ
                         โดย เจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ได้นำเอาเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ มาทำการตรวจวัดความร้อนตามร่างกาย ของประชาชนชาวจีนทุกคน ที่เดินทางข้ามมาจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เพื่อป้องกันโรคไวรัสโคโรนา ที่อาจติดมากับประชาชนชาวจีน  โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ จะทำการตรวจวัดอุณหภูมิ ของร่างกายซึ่งคนปกติจะอยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส หากพบชาวจีนรายใดมีอุณหภูมิในร่างกาย เกิน 38 องศาขึ้นไป เจ้าหน้าที่ จะให้นั่งพักเพื่อรอตรวจวัดอุณหภูมิในร่างกายใหม่อีกครั้ง และทำการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด หรือหากตรวจวัดครั้งต่อไปอุณหภูมิยังไม่ลดและเข้าข่ายเสี่ยง เจ้าหน้าที่จะประสานไปยัง รพ.อรัญประเทศให้มารับตัวไปทำการคัดกรองและแยกโรคทันที
                           ล่าสุด มีกลุ่มทัวร์จากประเทศจีนเดินทางข้ามชายแดนเข้ามาในประเทศไทย ทางด้านด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ประมาณ 500 คน ซึ่งทาง เจ้าหน้าที่ ได้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิในร่างกายอย่างละเอียด ก่อนจะอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งการตรวจในเบื้องต้นยังไม่พบชาวจีนทีมีอุณหภูมิในร่างกายเกิน 38 องศาแต่อย่างใด ประกอบกับทางด้านฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองปอยเปต พร้อมทีมแพทย์กัมพูชา ก็มีการตั้งจุดคัดกรองโรคไวรัสโคโรนา จากชาวจีนอย่างเข้มงวดเช่นกัน สำหรับประชาชนชาวจีนที่เดินทางผ่านเข้า-ออก ด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ส่วนใหญ่จะเป็นประชาชนที่ประกอบอาชีพอยู่ในประเทศกัมพูชา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสระแก้ว และ เจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ จะดำเนินการตรวจคัดกรองประชาชนชาวจีนที่เดินทางข้ามชายแดนเข้ามาในประเทศไทยอย่างเข้มงวดต่อไปจนกว่าสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนาจะสงบลง

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/