พลิกแฟ้มคดีดัง-“ตัดสินประหารเสี่ยเบื๊อก”จ้างวานฆ่า..!!แกนนำต่อต้านโรงงานถ่านหิน

พลิกแฟ้มคดีดัง-“ตัดสินประหารเสี่ยเบื๊อก”จ้างวานฆ่า..!!แกนนำต่อต้านโรงงานถ่านหิน

ภาพ/ข่าว:ทีมข่าวเฉพาะกิจ

             ย้อนหลังกลับไปเมื่อปี 2549 ผู้ประกอบธุรกิจในจังหวัดสมุทรสาคร ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมถลุงเหล็ก และอาหาร จะใช้น้ำมันเตาและแก๊สในการประกอบอุตสาหกรรม เมื่อราคาเชื้อเพลิงสูงขึ้นจึงลดต้นทุนด้วยการซื้อถ่านหินมาใช้แทน ต่อมาจึงเกิดธุรกิจเกี่ยวกับถ่านหินขึ้น มีท่าขึ้นถ่านหิน ท่าเก็บกองถ่านหิน และโรงงานแปรรูปถ่านหิน โดยนำเข้าถ่านหินจากประเทศอินโดนีเซีย เพื่อแปรรูปส่งขายไปยังโรงงานต่าง ๆ
ธุรกิจนี้ดูแล้วเหมือนจะนำความเจริญมาสู่ท้องถิ่น แต่ความจริงขั้นตอนการขนส่ง และแปรรูปถ่านหินส่งผลให้เกิดฝุ่นควัน ผู้พักอาศัยในพื้นที่ต้องประสบปัญหาโรคผิวหนัง โรคภูมิแพ้ ชาวบ้านทนไม่ไหวต้องออกมารวมตัวเพื่อร้องเรียนกับทางจังหวัด จนมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
วันที่ 10 มีนาคม 2554 ผู้ประกอบธุรกิจประมง และประมงชายฝั่ง ไม่สามารถจับสัตว์น้ำ ได้เหมือนแต่ก่อน เนื่องจากมลพิษจากการใช้เรือบรรทุกขนาดใหญ่ลำเลียงถ่านหินทางน้ำ ทำให้สัตว์น้ำลดจำนวนลง ผู้ประกอบการจึงเดินขบวนปิดล้อมศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร
วันที่ 13 กรกฏาคม 2554 ชาวบ้านรวมตัวกันปิดล้อมถนนพระรามสอง โดยมีนายทองนาค เสวกจินดา เป็นหนึ่งในแกนนำ เจรจากับผู้ว่าราชการจังหวัด และเรียกร้องให้ยุติการประกอบธุรกิจถ่านหิน แต่โรงงานยังมีการลักลอบขนไม่สนใจกับชาวบ้านเดือดร้อน   วันที่  22 กรกฎาคม นายทองนาค จึงพาชาวบ้านสกัดจับรถบรรทุกขนถ่านหิน ที่บรรทุกน้ำหนักเกิน และแจ้งตำรวจดำเนินคดี
วันที่ 26 กรกฎาคม นายทองนาคไปขึ้นศาลปกครองเพื่อเป็นพยานในการดำเนินคดีกับบริษัทเทคนิคทีม ที่นำถ่านหินเข้ามาในพื้นที่ตำบลท่าทราย หลังกลับจากศาลนายทองนาคถูกข่มขู่ทางโทรศัพท์ ก่อนจะถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม บริเวณหน้าบ้านของตัวเองในตำบลท่าทราย  หนึ่งในแกนนำต่อต้านถ่านหิน เชื่อว่า การเสียชีวิตของนายทองนาค มีสาเหตุมาจากการร่วมเป็นแกนนำคัดค้านถ่านหิน และทำให้กลุ่มนายทุนเสียผลประโยชน์
บริเวณจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด 3 จุด พบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นชาย 2 คน สวมหมวกกันน็อก ขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่ามีโอ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่ใช่มือปืนอาชีพ แต่ขนาดอาวุธปืนที่ใช้เป็นขนาดจุดสี่ศูนย์ ที่มีราคาแพง และไม่เป็นที่นิยม การติดตามสืบสวนหามือปืนครั้งนี้มีการระดมกำลังกว่า 10 ชุด ทั้งตำรวจภูธรภาค 7 กองปราบปรามและตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร ลงพื้นที่ตรวจค้นจุดต้องสงสัย และหาเบาะแสเพิ่มเติม
วันที่  31 กรกฎาคม  กลุ่มแกนนำต่อต้านถ่านหิน ชาวเรือประมง กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาคร กว่า 500 คน ได้เดินทางมารวมตัวกัน บริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อร่วมแห่ขบวนโลงศพพร้อมรูปนายทองนาค เสวกจินดา ไปรอบเมืองมหาชัย ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา ขณะที่เคลื่อนขบวนไปตามถนน ได้มีการประกาศสดุดีถึงการต่อสู้ของนายทองนาคที่ต่อต้านถ่านหินมานาน 5 ปี รวมทั้งการประกาศสานต่อปณิธานต่อสู้กับนายทุนผู้ประกอบการถ่านหิน
            พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร.ได้รับคำสั่งให้เข้ามาดูแลคดีนี้ โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภาค 7 นำทีมสืบสวนภาค 7 และท้องที่เป็นกำลังหลัก
               ในเวลาไม่นานตำรวจได้เบาะแสโยงถึงบุคคลต่างๆ หลายราย หลักฐานสำคัญเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่พบรถปิกอัพต้องสงสัยติดสติ๊กเกอร์คำว่า “เด็กวัด” ขนาดใหญ่บริเวณกระจกหลัง พบว่าเป็นของคนในพื้นที่ซึ่งโยงกับผู้มีอิทธิพลด้านขนส่งถ่านหิน!?? ทุกอย่างสอดคล้องกันไปหมด ตำรวจจึงเริ่มแกะรอยขบวนการรับจ้างขนถ่านหินและอีกเพียง 3 วันหลังเกิดคดี ตำรวจเข้าจับกุมผู้ต้องหาชุดแรกซึ่งเป็นทีมสังหาร ประกอบด้วย นายจักรพงศ์ ขวัญพันธุ์งาม อายุ 22 ปี คนขี่รถจักรยานยนต์ให้มือปืน นายนิพนธ์ ยันตะละภะ อายุ 34 ปี คนขับรถกระบะมิตซูบิชิคอยคุ้มกัน และ นายสุชชเดช คนจัดหามือปืน ต่อมา นายโยธิน หรือ บอย เทพเรียน อายุ 25 ปี มือปืนก็เข้ามอบตัว ถัดมา นายไพโรจน์ แสงสว่าง อายุ 28 ปี ทำหน้าที่ขับรถเทรลเลอร์ขวางถนนเพื่อเปิดทางให้ทีมสังหารหลบหนีขอเข้ามอบตัวอีกราย
ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันลงมือก่อเหตุ โดยได้รับค่าจ้าง จำนวน 150,000 บาท ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น เจ้าหน้าที่รู้ว่า ผู้ต้องสงสัยที่เป็นคนจ้างวานแล้ว โดยเป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับโรงงานถ่านหินในพื้นที่ ซึ่งเสียผลประโยชน์จากการที่ผู้ตายนำมวลชนออกมากดดัน และต่อต้านโรงงานถ่านหินดังกล่าว
จากคำให้การของทีมสังหารและหลักฐานต่างๆ พบว่า สาเหตุการฆ่านายทองนาคมาจากเป็นแกนนำต่อต้านถ่านหินจนทางจังหวัดสั่งยกเลิกสัมปทานและห้ามขนส่ง ส่วนเสี่ยเบื๊อก ซึ่งสมัยก่อนเคยเป็นเพื่อนและเป็นแกนนำร่วมกับนาย ทองนาค แต่ไปๆ มาๆ กลับมาทำธุรกิจขนถ่านหินเสียเอง และเพิ่งมารับงานขนส่งได้ไม่กี่เดือนก็ถูกจังหวัดสั่งห้าม ซึ่งจากหลักฐานและคำให้การของผู้ต้องหาอื่นๆ พบว่าผู้ใหญ่เล็กติดต่อนายสุชชเดช ให้จัดหาทีมลงมือพร้อมพาไปชี้ตัวและวางแผนรวมทั้งหาอุปกรณ์ต่างๆ
จนวันเกิดเหตุนายจักรพงศ์ขี่รถจักรยานยนต์พานายโยธินไปลงมือ โดยมีนายนิพนธ์ขับรถปิกอัพคุ้มกัน เมื่อลงมือสำเร็จและขับรถหลบหนีออกมา ระหว่างนั้นนายไพโรจน์ที่จอดรถเทรลเลอร์อยู่ริมถนนรอจนทีมสังหารขับผ่านไปก็ทำทีเป็นกลับรถขวางถนน เพื่อป้องกันคนติดตาม แต่เหตุการณ์ทั้งหมดถูกกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ จนเป็นหลักฐานสำคัญในการติดตามจับกุมและออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้ง 7 ราย
วันที่  2 สิงหาคม  ศาลได้อนุมัติหมายจับ นายธนยศ หรือ เบื๊อก วงศ์พิมพ์ อายุ 53 ปี  ผู้จ้างวานฆ่านายทองนาค รวมทั้งหมายจับ นายไพโรจน์ หรืออุ้ย แสงสว่าง อายุ 28 ปี คนขับรถเทรลเลอร์ที่คอยคุ้มกัน มือปืนขณะลงมือสังหาร
วันที่ 3 พฤษภาคม นาย สุชชเดช ทับไกร หรือ อี๊ด อายุ 28 ปี หนึ่งใน 7 ผู้ต้องหาทีมสังหาร ถูกมือปืนยิงเสียชีวิต ระหว่างขับรถอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ถจ 4613 กทม. มาถึงหน้าธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) สาขาสมุทรสาคร ถนนเอกชัย ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งสาเหตุการสังหารก็ยังคงเป็นปริศนา
                  ต่อมา วันที่ 19 มี.ค.2557 ศาลชั้นต้นจังหวัดสมุทรสาคร อ่านคำพิพากษาคดีสังหารนายทองนาค เสวกจินดา แกนนำต่อต้านถ่านหิน โดย มีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 5 จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีการลดโทษ ประกอบไปด้วย จำเลยที่ 1 นายนิพนธ์ หรือหมู ยันตะละพะ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ที่ 4 ต.หลักสาม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร พฤติกรรม ทำหน้าที่คนขับรถกระบะ พามาดูผู้เสียชีวิตก่อนถูกยิง, จำเลยที่ 2 นายสุชชเดช หรืออี๊ด ทับไกร อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 7 ต.อำแพง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ทำหน้าที่ชี้เป้า แต่ต่อมานายสุชชเดชถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต จำเลยที่ 3 นายจักรพงษ์ หรือพงษ์ ขวัญพันธุ์งาม อายุ 20 ปี บ้านเลขที่ 99 หมู่ที่ 4 ตำบลหลักสาม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์พามือปืนไปยิงนายทองนาคแล้วพาหนี, จำเลยที่ 4 นายโยธิน หรือบอย เทพเรียน อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 55/2 หมู่ที่ 2 ต.หลักสาม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร มือปืนยิงนายทองนาค และจำเลยที่ 5 นายไพโรจน์ หรืออุ๋ย แสงสว่าง อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 32/1 หมู่ที่ 6 ต.ชัยมงคล อ.เมือง จ.สมุทรสาคร คนขับรถเทรลเลอร์ที่ช่วยให้จักรยานยนต์ของคนร้ายหลบหนีได้สะดวกยิ่งขึ้น
ส่วนจำเลยที่ 6 คือ นายสิทธิโชค หรือเล็ก นอบน้อม อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 79/5 หมู่ที่ 2 ต.สวนส้ม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร กับ จำเลยที่ 7 นายธนยศ หรือเบื๊อก วงศ์พิมพ์ อายุ 53 ปี บ้านเลขที่ 86/33 หมู่ที่ 1 ต.หลักสาม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ซึ่งทั้งสองคนเป็นผู้ต้องหาร่วมกันจ้างวานใช้ให้จำเลยที่ 1– 4 ฆ่านายทองนาคนั้นถูกตัดสินประหารชีวิต แต่เนื่องจากนายสิทธิโชค จำเลยที่ 6 ให้การเป็นประโยชน์ในชั้นศาล จึงได้รับการลดโทษลงเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนนายธนยศ จำเลยที่ 7 ศาลไม่มีการลดโทษให้แต่อย่างใดทั้งสิ้น

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!