ปทุมธานี-แจกถุงพลาสติกแดงไว้ทิ้งหน้ากากอนามัยใช้แล้ว

ปทุมธานี-แจกถุงพลาสติกแดงไว้ทิ้งหน้ากากอนามัยใช้แล้ว

ภาพ/ข่าว:อนันต์ วิจิตรประชา

สมาคมรีไซเคิลไอเดียล้ำชูธงให้ร้านสะดวกซื้อแจกถุงพลาสติกแดงไว้ทิ้งหน้ากากอนามัยใช้แล้ว

                 วันนี้ 5 พค. 2564 นายธีรวงศ์ สรรค์พิพัฒน์ ประธานที่ปรึกษาสมาคมรีไซเคิลขยะ และรับซื้อของเก่า, ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการขยะ ได้เสนอไอเดียว่าจากมาตรการของรัฐมีนโยบายให้แบนการใช้ถุงพลาสติกที่ผ่านมาซึ่งข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดว่าการใช้ถุงพลาสติกในประเทศไทยจะลดลงประมาณ 29% จากจำนวน 45,000 ล้านใบต่อปีในปีที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่มีหน่วยงานใดทำการเก็บตัวเลขที่แท้จริงทั้งที่เป็นนโยบายระดับโลก  อย่างไรก็ตามผลกระทบที่ตามมาเปรียบเสมือนเจ้าของร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้าได้รับผลประโยชน์ทางตรงจากนโยบายของภาครัฐ ในการลดต้นทุนที่ต้องซื้อถุงพลาสติกในภาพรวมได้ประมาณ 2,400 ล้านบาท ( อ้างอิงจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ) และเป็นการผลักภาระให้ผู้บริโภคที่ไม่ได้เตรียมถุงผ้ามาโดยไม่ยุติธรรมเท่าไรนักเพราะร้านสะดวกซื้อเป็นผู้ขายย่อมมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกันกับผู้ซื้อ รวมถึงการที่ผู้ซื้อซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีฐานะยากจน ถึงปานกลางจำต้องแบบภาระในการซื้อถุงพลาสติก หรือถุงผ้าที่มีราคาแพงกว่ามากจากร้านสะดวกซื้อที่เป็นผู้ขาย ปฏิเสธไม่ได้ว่าในทางปฏิบัติมนุษย์จะซื้อของโดยเร่งด่วน หรือของใช้ในครัวเรือนที่จำเป็นหลายอย่างในคราวเดียวกัน นโยบายดังกล่าวอาจส่งผลต่อความเหลื่อมล้ำของรายได้ และนำไปสู่ความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ คล้ายกับกรณีปั้มน้ำมันทุกปั้มต้องมีห้องน้ำพร้อมให้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายจึงขอเสนอรัฐบาล และเจ้าของร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า เช่น 7-11 หรือ Tesco Lotus ให้พิจารณานโยบายในสถานการณ์วิกฤติโควิด ดังนี้

1.ร้านสะดวกซื้อควรแจกถุงขยะพลาสติกสีแดงแทนถุงหูหิ้วและให้เท่าที่จำเป็นเพื่อบรรจุสินค้า โดยเลือกได้ว่าเป็นถุงสีแดงที่จะไปใช้ใส่ขยะอันตราย หรือถุงสีเขียวที่ใช้ใส่ขยะทั่วไป เพราะในปัจจุบันการทิ้งหน้ากากอนามัยเป็นอันตรายอย่างมาก ถ้าทำให้สามารถทิ้งในถุงขยะสีแดงได้ จะเป็นการสร้างความปลอดภัยให้กับพนักงานเก็บขยะ และประชาชนไม่ต้องรับภาระในการซื้อถุงสีแดงใส่หน้ากากอนามัย และขยะติดเชื้อ เมื่อพนักงานเก็บขยะเห็นถุงสีแดงก็รับรู้ว่าถุงนี้คือขยะอันตราย เกิดความระมัดระวัง
การแจกถุงของร้านสะดวกซื้อยังช่วยในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภาคครัวเรือน การลดต้นทุนในการซื้อสินค้าของประชาชนไม่ต้องซื้อบ่อยครั้ง และการผลิตของโรงงานที่เพิ่มมากขึ้น
2.ยกเลิกการใช้ถุงผ้า เพราะถุงผ้าใช้เวลาในการย่อยสลายนานหลายร้อยปีมากกว่าถุงพลาสติกมาก และถุงผ้าบางประเภทที่ร้านสะดวกซื้อ นำมาขายกันก็เป็นถุงผ้าใยสังเคราะห์ หรือมีส่วนผสมของพลาสติก (ข้อมูลที่อ้างว่าถุงพลาสติกใช้เวลาในการย่อยสลาย Respirometry tests นานถึง 500 ปีนั้นไม่ตรงข้อเท็จจริง แต่เกิดจากข้อจำกัดจากการของ Respirometry tests ซึ่งในทางปฏิบัติการทดสอบแบบนี้จุลินทรีย์ (microorganism) ไม่ทำปฏิกริยากับถุงพลาสติกดังนั้น แม้แต่เปลือกกล้วยยังสามารถมีอายุถึง 1,000 ปีคล้ายพวกฟอสซิลในสภาวะที่ครบองค์ประกอบ)
3.รณรงค์ห้ามนำหน้ากากอนามัยใช้แล้วใส่ขวดน้ำพลาสติก เพื่อป้องกันพนักงานเก็บขยะ และร้านของเก่าทำการคัดแยก และยังเป็นตัวชี้บ่งให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องระมัดระวังไม่เข้าใกล้ หรือสัมผัสเมื่อพบถุงพลาสติกสีแดง ภาครัฐต้องจัดถังทิ้งขยะติดเชื้อให้เพียงพอในการทิ้งหน้ากากอนามัย ถุงมือใช้แล้ว ขยะติดเชื้อ หรือ E-waste ในชีวิตประจำวัน เพราะขยะติดเชื้อจะต้องถูกนำไปเผาเท่านั้น ไม่มีการฝังกลบหรือคัดแยกอีก
4.ภาครัฐ และร้านสะดวกซื้อควรเน้นที่การรีไซเคิลมากกว่าการงดใช้ เพราะถุงพลาสติกสามารถนำมารีไซเคิลได้เกือบทุกประเภท แก้ที่ปัญหา อยู่ที่พฤติกรรมมนุษย์ ไม่ใช่ถุงพลาสติก ใช้เมื่อจำเป็น ใช้เสร็จนำไปรีไซเคิล จะตรงประเด็นมากกว่า มุ่งเน้นการรีไซเคิลมากกว่าการกำจัด ปัจจุบันการกำจัดถุงผ้านั้นบ่อขยะยังฝังกลบเป็นส่วนใหญ่ นั่นคือการปล่อยให้ย่อยสลายเองซึ่งใช้ระยะเวลาการย่อยสลายยาวนานกว่าถุงพลาสติกมาก
5.ยกเลิกการใช้ลังกระดาษเพื่อขนสินค้าเมื่อแจกถุงแดงแล้ว เพราะลังกระดาษเป็นลังบรรจุสินค้าใช้แล้วผ่านมือพนักงานขนส่งหลายครั้ง ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัส
6.แก้ปัญหาขยะปนเปื้อนในมหาสมุทร ด้วยการแบนทั้งถุงผ้า และพลาสติกบริเวณชายหาด ทำการโซนนิ่ง เพราะในทางปฏิบัติขยะในตัวเมืองจะถูกไปเผาทำพลังงาน ฝังกลบไม่มีโอกาสที่จะหลุดลอยไปในมหาสมุทรฝากรัฐบาล เจ้าสัวธนินท์ ร้านสะดวกซื้อ และผู้เกี่ยวข้องให้พิจารณานโยบายที่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย และประชาชนโดยรวม การแจกถุงแดงของร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้า จึงเป็นทางออกให้กับขยะอันตรายไม่ปนเปื้อนกับขยะทั่วไป และลดรายจ่ายในการซื้อถุงแดง, ถุงขยะซึ่งมีราคากิโลกรัมละ 35-50 บาท เพียงแค่เจ้าของร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้า เปลี่ยนความคิดจะทำให้ประชาชนซื้อสินค้ามากขึ้น เป็นผลดีให้กับผู้ให้เองในที่สุด

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

 

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!