สมุทรปราการ-หนุ่มคลั่งใช้มีดไล่ทำร้ายตำรวจและโชเฟอร์แท็กซี่เจ็บ

สมุทรปราการ-หนุ่มคลั่งใช้มีดไล่ทำร้ายตำรวจและโชเฟอร์แท็กซี่เจ็บ

ภาพ-ข่าว:สุรศักดิ์ / อัญมณี คงสินธ์

           หนุ่มคลั่งยาจะทำร้ายคนในครอบครัวและขโมยรถกระบะหนีมาจอดเสียใต้ทางด่วนตำรวจสายตรวจจะเข้าไปช่วยใช้อาวุธมีดไร่ทำร้ายตำรวจและโชเฟอร์แท็กซี่ได้รับบาดเจ็บ ตำรวจใช้ปืนยิงเข้าต้นขาบาดเจ็บควบคุมตัวไว้ได้ย่านพระประแดง
             เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 24 เมษายน 2567 พ.ต.ท.ประสงค์ อินเสมียน สารวัตรสอบสวน สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านถูก ชายคลั่งไล่ใช้มีทำร้ายได้รับบาดเจ็บ บริเวณใต้ทางด่วนกาญจนาภิเษก ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกัน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บล 7113 ศรีสะเกษ จอดอยู่ สภาพกระจกข้างคนขับแตก และมีหยดเลือดบริเวณเบาะคนขับ แต่ไม่พบผู้ขับขี่ ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร พบ เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 10 นาย กำลังควบคุมตัว นายสมิง ยะนานรัมย์ อายุ 40 ปี ชาว อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ที่นอนอยู่กับพื้น ส่งเสียงเอะอะโวยวาย คล้ายคนหลอนยา มีร่องรอยถูกยิงบริเวณต้นขาขวา เจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลบางจาก ในที่เกิดเหตุยังพบมีดสปาต้าปลายแหลม ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร และยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 2 ราย คือ ส.ต.ต.ฐิตพัฒ์ รวมพลังเอก ผบ.หมู่ (ป) สภ.พระประแดง มีแผลถูกมีดแทงเข้าที่ราวนมซ้ายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีรอยถลอกที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง และหัวเข่าขวาถูกแทงจนขากางเกงขาดช้ำเป็นรอย และ นายวีระ ปิ่นเพชร อายุ 53 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ มีแผลถูกมีดฟันที่แขนซ้าย ในที่เกิดเหตุยังพบ รถแท็กซี่ ยี่ห้อ โตโยต้า สีเขียว-เหลือง ทะเบียน มช 7726 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ข้างทางก่อนเข้าด่านเก็บเงินบางครุ 2 สภาพ กระจกข้างคนขับแตก
             จากการสอบถามเบื้องต้น ทราบว่า ทาง ส.ต.ต.ฐิตพัฒน์ รวมพลังเอก อายุ 23 ปี ผบ.หมู่(ป) สภ.พระประแดง กับ ส.ต.ต.เอกพล กิตติลาภ อายุ 24 ปี ผล.หมู่ (ป)สภ.พระประแดง ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.พระประ แดง ว่ามีเหตุขอความช่วยเหลือ บริเวณจุดเกิดเหตุ ถึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบรถกระบะ จอดอยู่บริเวณ ใต้ทางด่วนกาญจนาภิเษก และ พบ นาย สมิง อยู่ในอาการเอะอะโวยวาย จากนั้นจึงเดินเข้าไปตรวจสอบรถก็พบว่ากระจกรถข้างคนขับแตก และมีเลือดหยดตรงเบาะคนขับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินเข้าสอบถาม นาย สมิง ว่าได้รับบาดเจ็บอะไรมา แต่ นาย สมิง ได้เดินไปในรถ หยิบอาวุธมีดออกมาไล่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนต้องวิ่งหนีจนไปถึงทางแยกซึ่งห่างประมาณ 200 เมตร ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะล้มลง จึงถูก นาย สมิง ใช้อาวุธมีดแทงหลายครั้ง จนได้รับบาดเจ็บ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยิงปืนขึ้นฟ้าจำนวน 1 นัด นาย สมิง ได้วิ่งหนีออกไปประมาณ 300 เมตร บริเวณทางด่วนกาญจนาภิเษก ใกล้ด่านเก็บเงินบางครุ 2 แล้วไปก่อเหตุทำร้ายโชเฟอร์แท็กซี่ที่มีผู้โดยสารอยู่ในรถ กำลังเข้าด่าน จนโชเฟอร์แท็กซี่ได้รับบาดเจ็บ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตามเข้าไปช่วย และบอกให้ นาย สมิง หยุด แต่ นาย สมิง ไม่ยอมหยุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ยิงปืนเพื่อสกัดกั้น จำนวน 2 นัด เข้าที่บริเวณเอวข้างขวาและต้นขาขวา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย จึงแจ้งวิทยุขอกำลังเสริมมาควบคุมตัว นาย สมิง ไว้ได้
                จากการสอบถาม นายสมิง  อายุ 40 ปี ผู้ก่อเหตุ นอนร้องครวญคราง ด้วยความเจ็บปวดและทรมาน เล่าว่า ตนเองได้รับบาดเจ็บที่ขา เนื่องจาก ถูกเจ้าหน้าที่ ตำรวจยิง โดยอ้างว่าตนเองป้องกันตัว แล้วบอกว่าตนเองไม่ได้กินเหล้า

             ด้าน นายวีระ คนขับรถแท็กซี่ เล่าว่า ตนเองได้รับบาดเจ็บที่แขนด้านซ้าย โดยถูกมีดฟัน จากชายคุ้มคลั่งซึ่งเขาหนีตำรวจมา ซึ่งตนเองจอดรถติดอยู่หน้าด่านทางด่วน เพื่อที่จะรับบัตรแต่ชายคนดังกล่าวได้วิ่งมาและเคาะกระจกหลังจากนั้นตนเอง จึงลดกระจกลง จากนั้นผู้โดยสารเห็นจึงแจ้งกับตนเองว่าพี่ๆให้รีบเอากระจกขึ้นเพราะ ผู้โดยสารเห็นมีด หลังจากปิดกระจกแล้วชายคนดังกล่าวได้เอามีดทุบกระจกแตก และสู้กันในรถแท็กซี่ แต่ตนเองพลาดท่าถูก ชายคุ้มคลั่งเอามีดแทงที่แขนข้างซ้าย ได้รับบาดเจ็บ โดย ตนเองก็หนีมา ฝั่งเบาะคนนั่งแล้วแต่ไม่พ้น ซึ่งเขาได้ ฟันหลายทีแต่ โดน 1 ครั้ง เหตุการณ์ในครั้งนี้ตนเอง ตกใจมาก ยอมรับว่าเสียเปรียบเพราะเขามีมีด และตนเองก็เป็นห่วงผู้โดยสารด้วย
              นายศุภโชค อายุ 34 ปี ผู้โดยสารแท็กซี่  เล่าว่า ตนนั่งรถแท็กซี่มาจากบิ๊กซีสำโรงใต้กำลังจะกลับบ้านที่สุขสวัสดิ์ 66 มาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณใต้ทางด่วนกาญจนา เห็นผู้ก่อเหตุวิ่งมาจากไหนไม่รู้ซึ่งวิ่งมาทางรถแท็กซี่และพยายามคุยกับคนขับแท็กซี่ และให้ลดกระจกรถคุยกัน ตนสังเกตเห็นว่าผู้ก่อเหตุมีอาวุธ จึงบอกให้แท็กซี่ปิดกระจกรถ พร้อมบอกว่า ผู้ก่อเหตุมีอาวุธมาด้วย และผู้ก่อเหตุจึงได้ใช้อาวุธฟังเข้ามาที่กระจกรถจนแตกและยื้อยุดอยู่กับคนขับแท็กซี่ ขณะนั้นมีตำรวจมาพอดีจึงได้มีการปะทะกันและตำรวจสามารถจับกุมตัวได้พอดี

            ด้าน ส.ต.ต.ฐิตพัฒน์ รวมพลังเอก ผบ.หมู่ (ป) สภ.พระประแดง ตำรวจผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า ได้รับแจ้งเหตุจึงรีบไปตรวจสอบเมื่อถึงจุดเกิดเหตุก็ไปพบ ชายต้องสงสัยเดินอยู่รอบรถ จึงสงสัยว่าชายคนดังกล่าวอ้างว่ารถ คันดังกล่าวเป็นของตนเองแต่ รถคันดังกล่าวมีร่องรอยการถูกทุบกระจกและที่เบาะพบรอยเลือด แสดงจึงสอบถามผู้ต้องหาว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่แต่ เขาบอกว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ ถ้าพี่ไม่ได้รับบาดเจ็บแล้วรอยเลือดมาจากไหน และในขณะเดียวกันตนเองยืนห่งกันเล็กน้อยชายคนดังกล่าวได้คว้ามีดออกมาแทงเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 1 ครั้ง จึงหันหลังและรีบวิ่งหนีเพื่อตั้งหลัก โชคดีที่ ตนเองใส่เสื้อเกราะจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น คนร้าย ได้วิ่งไล่ตามคว้ามีดแทงอีกรอบ แต่ตนเองพลาดสะดุดล้มทำให้คนร้าย นำมีดมาแทงที่ขากางเกง ซึ่งตนเองมาด้วยกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหนึ่งนาย หลังจากนั้นเป็นเหตุให้ตนเอง ต้องใช้อาวุธปืนเพื่อยิงสกัดไปจำนวน 1 นัด เพื่อเป็นการยิงครูโดยยิงลงที่พื้นจากนั้นชายคนดังกล่าวจึงได้วิ่งหลบหนี หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวได้ไปก่อเหตุ รถแท็กซี่สาธารณะโดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิ่งไล่ติดตาม
            ด้าน นายวินัย  อายุ 33 ปี เพื่อนร่วมงาน เล่าว่า เถ้าแก่โทรมาบอกว่า ผู้ก่อเหตุป่วยอาเจียนเป็นเลือดออกมา ตนจึงไปดูอาการ เห็นเลือดออกมาจริง จึงไปหาเอายามาให้ และพยายามจะพาไปโรงพยาบาล ซึ่งตนให้น้องขึ้นไปดูอาการรอบแรกก็ไม่เป็นอะไร แต่พอขึ้นไปดูรอบสองจู่ๆผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดฟันที่แขนของน้องได้รับบาดเจ็บ หลังจากฟันน้องผู้ก่อเหตุเกิดอาการคุ้มคลั่งและทำลายทรัพย์สินซึ่งเป็นรถของลูกค้าที่นำมาทำสีรถจนเสียหายหลายคัน และยังมาทุบรถของตนจนพังเสียหายอีก ขณะนั้นผู้ก่อเหตุยังคงอาละวาดไล่ทำร้ายคนอื่นอีก ทั้งครอบครัวตนพากันวิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทางเลยเพื่อเอาตัวรอดไว้ก่อน ผู้ก่อเหตุหลังอาละวาดเสร็จจึงขโมยกุญแจรถตนและขับหนีออกมา ตนจึงพยายามไล่ตามแต่ไม่ทันผู้ก่อเหตุขับหนีไปไกลแล้ว ตนจึงเข้าแจ้งความ สภ.แสมดำ และได้รับสายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.พระประแดง ว่าพบรถของตนโผล่ที่ใต้เลียบด่วนทุ่งครุ ตนจึงเข้ามาดูและพบว่าเป็นรถตนจริงๆ ผู้ก่อเหตุมีนิสัยชอบกินเหล้า และมีอาการคล้ายคนติดยาเสพติด ผู้ก่อเหตุเขาไม่มีครอบครัวแต่มีลูก 1 คน ไม่แน่ใจว่าได้แยกย้ายกับภรรยาหรือไม่ เขามาทำงานกับตนได้เพียง 3-4 ปี

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้คุมตัว นาย สมิง ตรวจหาสารเสพพบว่ามีสารเมทกับเฟตามีน(ยาบ้า)ภายในร่างกาย จึงแจ้งข้อกล่าวหา พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำตามหน้าที่  พยายามชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย พกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยเปิดเผยและไม่มีเหตุอันควร และเสพสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ขณะขับรถ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะคุมตัวพร้อมของกลางอาวุธมีด ส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!