เพชรบุรี-ที่ปรึกษา รมว.ทส. จับมืออธิบดีกรมทรัพฯลงเรือ สำรวจวาฬบรูด้า

เพชรบุรี-ที่ปรึกษา รมว.ทส. จับมืออธิบดีกรมทรัพฯลงเรือ สำรวจวาฬบรูด้า

ภาพ/ข่าว:สุรพล นาคนคร

          ที่ปรึกษา รมว.ทส. จับมืออธิบดีกรมทรัพฯลงเรือ สำรวจวาฬบรูด้า เดินหน้าวางแผนบูรณาการเพื่อการท่องเที่ยว และอนุรักษ์อย่างยั่งยืน โดยจะออกคำสั่งอธิบดีทช..ตามมาตรา 17 แห่งพรบ.ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

         จากกรณีที่มีกลุ่มเจ็ทสกีจัดทริปท่องเที่ยวทางน้ำ โดยขับเรือเจ็ทสกีกว่า 20 ลำดูวาฬบูรด้า บริเวณอ่าวไทยรูป ตัว ก จ.เพชรบุรี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการหากินและระบบนิเวศในพื้นที่อยู่อาศัยของวาฬบรูด้าและสัตว์ทะเลในบริเวณดังกล่าว จนเป็นข่าวโด่งดังในช่วงที่ผ่านมาโดยอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ชี้แจงและทำความเข้าใจกับกลุ่มเจ็ทสกีดังกล่าวแล้ว และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีนั้น
         ต่อมาเมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 20 ตุลาคม นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (อทช.) และคณะเดินทางลงเรือสำรวจการหากินของวาฬ บรูด้า ให้พื้นที่ทะเล อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี โดยมีนายบุญยอด มาคล้าย นายกเทศมนตรีตำบลหาดเจ้า อ.เมืองจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มโครงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ชมวาฬทานปู ร่วมอำนวยความสะดวก
         นายยุทธพล เปิดเผยว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส.ได้สั่งการให้ตนเร่งรัด กำกับ และติดตามการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด อีกทั้ง ให้ลงพื้นที่เป็นการเร่งด่วน และให้เชิญผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวชมวาฬและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนมาประชุมหารือร่วมกันในวันนี้เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ทั้งการประชาสัมพันธ์ การอบรมให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการในพื้นที่ รวมถึง ประชาชนและชุมชนบริเวณใกล้เคียง หากมีการกระทำใดเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งก็จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด และจะได้รายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบถึงผลการประชุมหารือต่อไป อย่างต่อเนื่อง
          ทราบดีว่าทุกคนไม่มีใครจะล่วงรู้ถึงกฎระเบียบที่มีการวางไว้ทั้งหมด จากนี้จะเร่งทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ประกอบการ ผู้ชมวาฬนักท่องเที่ยวหน่วยงานราชการและส่วนต่างๆเพื่อชี้แจงแนวทางกำหนดมาตรการกฏระเบียบการท่องเที่ยวชมวาฬบรูด้า และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ให้เป็นไปอย่างยั่งยืนและ เกิดจากการมีส่วนร่วมด้วยความเข้าใจของทุกภาคส่วน
           ยืนยันว่า วาฬบรูด้าเปรียบเสมือนของขวัญจากธรรมชาติ ที่มอบให้แก่คนไทยทุกคน ทุกภาคส่วนจะต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทาง ให้วาฬได้อาศัยอยู่ในถิ่นที่อยู่ของเขาในระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ ท่าน รมว.ทส.ได้ยกตัวอย่างพื้นที่เกาะเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ ที่เป็นแหล่งอนุรักษ์ฉลามวาฬ และนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมอย่างมีกฎกติกาตลอดจนประชาชนในท่องถิ่นสามารถมีรายได้จากการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนมาเป็นพื้นที่ต้นแบบให้บริเวณอ่าวไทยรูป ตัว ก.นี้ไปเป็นแนวทางในการบริหารจัดการด้วย” นายยุทธพล กล่าว
           ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (อทช.) กล่าวเสริมว่าได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 เฝ้าระวังและตรวจตราพื้นที่ พร้อมทั้งดำเนินการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือ สร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับข้อปฏิบัติในการชมวาฬบรูด้าอย่างถูกวิธี ระหว่างผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวชมวาฬบรูด้า ชาวประมง และนักท่องเที่ยว ให้รับทราบถึงข้อควรพึงปฏิบัติในขณะชมวาฬ
           ดังนี้ เรือต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 4 น็อต ในรัศมี 100 – 300 เมตร และความเร็วเรือไม่เกิน 7 น็อต ในรัศมี 400 เมตร ให้เข้าชมครั้งละไม่เกิน 3 ลำ เข้าหาด้านข้าง ไม่ควรแล่นเรือขวางทาง หรือไล่ตามวาฬ เพราะวาฬอาจได้รับบาดเจ็บ และตื่นตกใจ ควรหยุดเรือ และลอยลำทันทีหากวาฬเข้าใกล้ และไม่เปลี่ยนความเร็วเรือกะทันหัน ไม่เร่งเครื่องตาม เพราะอาจจะทำให้วาฬตื่นตกใจ หากพบวาฬแม่ลูก ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ควรอยู่ห่างไม่น้อยกว่า 300 เมตร ดูวาฬจากเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินสูงไม่น้อยกว่า 300 เมตร เฮลิคอปเตอร์ สูงไม่น้อยกว่า 500 เมตร อากาศยานไร้คนขับ สูงไม่น้อยกว่า 50 เมตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้เจ็ทสกี และสปีดโบ๊ทในการชมวาฬ วาฬอาจจะได้รับบาดเจ็บ เกิดความเครียดจากเสียงเครื่องยนต์ และผู้ขับขี่อาจได้รับอันตรายจากวาฬ ไม่ทิ้งขยะลงทะเล และแม่น้ำลำคลอง ไม่ควรให้อาหารวาฬในธรรมชาติ และลดเสียงให้เบา จากกิจกรรมบนเรือ ไม่สร้างความเครียดให้กับวาฬ

            นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวทิ้งท้ายว่า วาฬบรูด้าเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ โดยได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ระบุว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นการล่า โทษสำหรับสัตว์ป่าสงวนคือ จำคุก 3 – 15 ปี ปรับ 300,000 – 1,500,000 บาท และ ในกรณีครอบครอง มาตรา 17 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่า โทษครอบครองคือจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท อย่างไรก็ตาม “ขอให้ประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เฝ้าชมวาฬบรูด้าอย่างถูกวิธี และปฏิบัติตามข้อแนะนะของ ทช. อีกทั้ง ขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการเฝ้าระวังการกระทำที่อาจจะส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยเฉพาะสัตว์ทะเลหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ หากการกระทำใดที่อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ขอให้แจ้ง กรมฯ ทช. เพื่อทราบและแก้ไขโดยทันที หากการกระทำเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ก็จะบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด อธิบดี ทช. กล่าวยืนยัน

                ขณะที่นายสุรศักดิ์ ทองสุกดี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลเเละชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันตก กรมทรัพยากรทางทะเลเเละชายฝั่ง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ต่อกรณีที่มีผู้ขับขี่เจ็ตสกี ลงไปชมวาฬ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2562 ฝั่งทะเลอ่าวไทยในเขตจังหวัดเพชรบุรี ชี้เเจงสร้างความเข้าใจในเรื่องของเจ็ตสกี 4 ประเด็น คือ

1) เนื่องจากเจ็ตสกี และเรือสปีดโบ๊ท มีท่อไอเสีย อยู่ใต้น้ำ จึงก่อให้เกิดเสียงใต้น้ำได้มากกว่าเรือของชาวประมงที่มีท่อไอเสียอยู่บนผิวน้ำ ดังนั้นทั้งเจ็ตสกีและสปีดโบ๊ทก่อให้เกิดเสียง มีผลกระทบกับพฆติกรรมของวาฬบรูด้า

2) การไปชมวาฬ ของเจ็ตสกี จะไปเป็นหมู่คณะจำนวนหลายลำ เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เจ็ตสกีเอง เพราะหากไปลำเดียวก็อาจจะเกิดหลงทิศทางในทะเลได้ ดังนั้นการขับเจ็ตสกีไปชมวาฬจึงมักเห็นจำนวนหลายลำ และเสียงจากเจ็ตสกีหลายๆ ลำจะยิ่งดังมากขึ้น มีผลกระทบและรบกวนวาฬบรูด้ามากขึ้น เพราะวาฬสื่อสารกันด้วยเสียง ซึ่งจากการที่เคยใช้สปีดโบ็ทออกสำรวจวาฬพบว่า ในระยะมากกว่า 500 เมตร ที่เรือเข้าใกล้วาฬ วาฬก็จะดำน้ำหนีไป เพราะเสียงจากท่อไอเสียของเรือสปีดโบ็ทดังจนไปรบกวนวาฬ

3) อันตรายอีกอย่างหนึ่งของเจ็ตสกีในการไปชมวาฬ คือเมื่อได้พบกับลูกวาฬ ซึ่งมีนิสัยซุกซนขี้เล่น และชอบว่ายเข้าหาเรือ หากผู้ขับขี่เจ็ตสกี เห็นลูกวาฬดำน้ำ แล้วคิดว่าวาฬไปแล้ว แต่วาฬอาจยังไม่ไปไหน หรืออยู่ใต้ท้องเรือ หากสตาร์ทเครื่องยนต์ มีเสียงดังขึ้นมา ลูกวาฬอาจจะตกใจ และว่ายชนกับเจ็ตสกี อาจเป็นเหตุให้เกิดอันตรายได้ทั้งวาฬและคนขี่เจ็ตสกีได้

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!