ประจวบคีรีขันธ์-ลดาวัลลิ์สลดใจ เกษตรกรปลูกผลไม้เพื่อการส่งออกนำเงินเข้าประเทศ

ประจวบคีรีขันธ์-ลดาวัลลิ์สลดใจ เกษตรกรปลูกผลไม้เพื่อการส่งออกนำเงินเข้าประเทศ

ภาพ/ข่าว:พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา

               ลดาวัลลิ์สลดใจ เกษตรกรปลูกผลไม้เพื่อการส่งออกนำเงินเข้าประเทศแต่ต้องช่วยตัวเองทุกอย่าง

                  วันที่ 19 ธันวาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประธานคณะทำงานศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ นายเทอดธนัท สีเขียว รองประธานฯ นางสาวเมลิสา มหาพล และทีมงานศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ / ร้องเรียน พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางลงพื้นที่หมู่ 9 บ้าน กม.12 ต.อ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบฯ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายดิเรก จอมทอง คณะทำงาน เป็นผู้ประสานงาน มีนายบุญเลิศ บุญสิทธิ์ นางสาวสมหมาย ลาสะมอ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 นายวินัย คงสิน เจ้าของสวนขนุนส่งออก และเกษตรกรในพื้นที่ให้การต้อนรับกว่า 50 คน
                    นางลดาวัลลิ์ กล่าวว่าตนเดินทางมาตำบลอ่าวน้อยในวันนี้ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนความเดือดร้อนของเกษตรกรผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์พรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับปัญหาการปลูกและจำหน่าย มะม่วง ขนุน ยางพารา และสับปะรด ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยได้รับการแจ้งจากนายวิชิต ซึ่งทำงานอยู่ในพื้นที่มาตลอด วันนี้ตนและคณะอยากมารับฟังรายละเอียดเพื่อจะได้ร่วมผลักดันการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกร แม้พรรคเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แต่เราถือว่าการทำงานเพื่อประชาชนต้องเดินหน้าต่อไป
                    หลังใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ในการเปิดรับฟังปัญหา นางลดาวัลลิ์ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า ตนรู้สึกดีใจที่มาเยี่ยมชมสวนขนุนเพื่อการส่งออก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีของดีอยู่มากมาย รวมทั้งขนุนและมะม่วง คุณภาพเพื่อการส่งออก ขอบคุณนายวิชิต ที่ช่วยประสานงาน ลงพื้นที่ติดตามให้ความช่วยเหลือพี่น้องอย่างต่อเนื่อง ตนและคณะทำงานรู้สึกสลดใจหลังทราบว่าเกษตรกรผู้ปลูกหรือผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกเกือบทั้งหมดต้องช่วยเหลือตัวเอง ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลน้อยมาก ทั้งการหาตลาดส่งออกกันเอง แก้ปัญหาการถูกกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศเอง ที่น่าแปลกมากคือ พบว่าขนุนจากประจวบฯ ส่วนมากต้องส่งไปเวียดนาม ใช้ชื่อหรือประทับตราสินค้าของเวียดนามส่งขายไปยังประเทศต่างๆ เป็นเรื่องน่าเสียดายในการประชาสัมพันธ์สินค้าคุณภาพของประเทศไทย วันนี้ตนได้สรุปปัญหาและแนวทางไว้ 3 ประเด็นที่ต้องผลักดันให้รัฐบาลนำไปพิจารณาปฏิบัติโดยเร่งด่วน ได้แก่ 1. การสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาฯ เป็นที่น่าแปลกใจที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปลูกสับปะรดและมะพร้าว มากที่สุดของประเทศ ขณะที่การปลูกพืชชนิดอื่น เช่น ขนุน มะม่วง เพื่อการส่งออกมีมากกว่า 50% ของผลผลิตทั้งหมดในจังหวัด แต่กลับไม่พบว่ามีสถาบันฝึกอบรมหรือศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุ์พืช แบบครบวงจรในพื้นที่เลย ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการโดยทันที
                  2. รัฐบาลต้องตั้งหน่วยงานลงมาให้ความช่วยเหลือด้านตลาดต่างประเทศ ไม่ใช่ปล่อยให้เกษตรกรดิ้นรนหาตลาดกันเอง ที่สำคัญที่สุดคือ การหาตลาดใหม่ๆ ทางตะวันออกกลางซึ่งขณะนี้ประเทศไทยแทบไม่มีการส่งออกมะม่วงและขนุนไปยังตะวันออกกลางออกเลย 3.รัฐบาลต้องเร่งรัดให้ส่วนราชการในพื้นที่ ให้การสนับสนุนปัจจัยการผลิตสินค้าทางการเกษตรให้มากขึ้น เช่น การสำรวจขยายเขตไฟฟ้าทั้งแรงต่ำและแรงสูงลงสู่พื้นที่การเกษตรให้ทั่วถึง การเปลี่ยนแปลงระบบส่งกำลังไฟฟ้าจาก เฟสเดียวเป็นไฟฟ้าสามเฟส เนื่องจากพบว่าหลายพื้นที่ในตำบลอ่าวน้อย มีการใช้ปั๊มน้ำไฟฟ้าขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากเพราะสะดวกและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการใช้เครื่องยนต์ ก่อนจบการประชุมรับฟังข้อร้องทุกข์และร้องเรียนจากกลุ่มเกษตรกร นางลดาวัลลิ์ ย้ำว่า ปีหน้า 2563 ช่วงต้นเดือนมกราคม ตนตั้งใจจะมาเยี่ยมพี่น้องเกษตรกรชาวตำบลอ่าวน้อยอีกครั้ง พรรคเพื่อไทยสัญญาว่าจะเดินหน้าเคียงคู่ประชาชนตลอดไป
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!