กาญจนบุรี-พ่อหญิงสาวที่ถูกฆ่าทุบหัวหมกโรงแรม เชื่อมูลเหตุมาจากทรัพย์สินที่หายไป

กาญจนบุรี-พ่อหญิงสาวที่ถูกฆ่าทุบหัวหมกโรงแรม เชื่อมูลเหตุมาจากทรัพย์สินที่หายไป

ภาพ/ข่าว:มานพ บุตรเนียม

           พ่อของหญิงสาววัย35ปี เจ้าของธุรกิจจิวเวลรี่เชื่อ มูลเหตุที่ลูกสาวถูกฆาตกรรมโหด มาจากเรื่องทรัพย์สินของลูกสาวที่หายไปจากในห้องพักรวมมูลค่ากว่าเจ็ดแสนบาท ขณะที่พนักงานโรงแรมที่เกิดเหตุยืนยัน ชายต้องสงสัยเคยมาเปิดห้องพักที่โรงแรมดังกล่าวเป็นประจำ

ที่บริเวณศาลาสอง วัดเทวสังฆาราม พระอารามหลวง ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งสวดพระอภิธรรมศพของนางสาวศุษมา รื่นฤทธิ์ อายุ 35 ปี เจ้าของธุรกิจจิวเวลรี่ที่ถูกฆ่าทุบหัว หมกศพในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานครฯนั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของบรรดาญาติๆและเพื่อนสนิทของนางสาวศุษมา ที่เดินทางมาร่วมรดน้ำศพและร่วมฟังสวดพระอภิธรรมศพเป็นคืนแรก โดยเฉพาะแม่ของนางสาวศุษมา ที่ยังคงอยู่ในอาการเศร้าเสียใจอย่างหนัก จนญาติๆต้องเข้ามาคอยปลอบใจอยู่ตลอดเวลา
            ขณะที่ นายประพฤติ รื่นฤทธิ์ อายุ 63 ปี พ่อของนางสาวศุษมา กล่าวว่า ในวันที่ 23 มีนาคม 2562 ลูกสาวของตนบอกว่า จะเดินทางไปส่งสินค้าเป็น พญาครุฑล้อมเพชร ให้กับลูกค้าที่สั่งออเดอร์เข้ามา โดยลูกสาวบอกว่าจะรีบกลับมาให้ทันใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ในวันที่ 24 มีนาคม ก่อนจะขาดการติดต่อไป กระทั่ง ตนมาทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าลูกสาวถูกฆาตกรรมโหดดังกล่าว โดยหลังทราบข่าว ตนได้เดินทางไปดูภาพวีดีโอจากกล้องวงจรปิดของทางโรงแรมและพบเห็นชายต้องสงสัย เป็นชายผิวดำ ตรงกับที่พนักงานโรงแรมให้ข้อมูลว่า เป็นคนที่เข้ามาหาลูกสาวของตนเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะออกจากห้องไปในเวลาประมาณแปดนาฬิกา วันที่ 24 มีนาคม 2562 ซึ่งตนและสามีของลูกสาว ไม่เคยเห็นหน้าชายคนดังกล่าวมาก่อน ไม่ทราบว่าเป็นลูกค้าคนที่โทรมาสั่งออเดอร์กับลูกสาวของตนหรือไม่ แต่พนักงานของทางโรงแรมบอกว่า ชายคนดังกล่าวเคยมาเปิดห้องพักอยู่ในโรงแรมที่เกิดเหตุแล้วหลายครั้ง ส่วนเรื่องประเด็นการก่อเหตุนั้น ตนเชื่อว่า คนร้ายน่าจะมุ่งหวังที่ทรัพย์สินของลูกสาวตนเป็นหลัก เนื่องจากในวันก่อนเกิดเหตุนั้น ลูกสาวตนนำเอาพญาครุฑฝังเพ็ชรไปส่งให้กับลูกค้า ขณะที่มีสร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือที่ใส่ติดตัวไปน้ำหนักประมาณ10บาท รวมถึงเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่าทรัพย์สินที่พกติดตัวไปประมาณเจ็ดแสนบาท แต่ปรากฏว่า หลังเกิดเหตุ ภายในห้องไม่มีทรัพย์สินใดๆเหลืออยู่เลย ตนจึงเชื่อว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ น่าจะต้องการชิงทรัพย์ของลูกสาวตน อย่างไรก็ตาม ตนขอวิงวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ช่วยติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุฆาตกรรมลูกสาวของตนอย่างโหดร้ายมารับโทษตามกฎหมายให้ได้ เพราะสิ่งที่คนร้ายทำกับลูกสาวตนนั้น ถือว่าโหดร้ายอย่างมาก ตนจึงอยากขอให้ลูกสาวของตนได้รับความเป็นธรรมที่สุด.

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!