ศรีสะเกษ-คืบหน้าเด็ก 2 ขวบกินมะยมดองติดคอเสียชีวิต

ศรีสะเกษ-คืบหน้าเด็ก 2 ขวบกินมะยมดองติดคอเสียชีวิต

ศรีสะเกษ-คืบหน้าเด็ก 2 ขวบกินมะยมดองติดคอเสียชีวิต

ภาพ/ข่าว:ศิริเกษ หมายสุข

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เกิดเรื่องสลดใจมีเด็กหญิงวัยเพียง 2 ขวบ กินมะยมดองแล้วเม็ดมะยมเกิดติดคอเด็ก ทำให้เสียชีวิตหลังจากที่ได้ไปพบแพทย์ที่ รพ.วังหิน ดึงเอาเม็ดมะยมดองออกมาจากคอได้แล้ว แต่ว่าสุดท้ายเด็กหญิงได้เสียชีวิตที่ รพ.ศรีสะเกษ โดยนางแช่ม (นามสมมติ) อายุ 44 ปี ยายของเด็ก เล่าว่า ขณะเกิดเหตุเป็นเวลาช่วงใกล้ค่ำของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา หลานสาวได้เอามะยมดองที่อยู่ในขวดโหลมากิน ทันใดนั้น เม็ดมะยมดองเกิดติดคอหลานจึงได้ช่วยกันพาหลานไปที่ รพ.สต.ใกล้บ้าน แต่พบเจ้าหน้าที่อยู่ แต่ว่าอาการหนักมากได้รีบนำตัวหลานสาวส่งไปยัง รพ.วังหิน ซึ่งอยู่คนละอำเภอ แพทย์ รพ.วังหิน ใช้เวลาไม่นานก็สามารถดึงเอาเม็ดมะยมออกมาได้ แต่ว่าหลานอาการไม่ดีขึ้น แพทย์จึงส่งต่อไปยัง รพ.ศรีสะเกษ แต่เนื่องจากว่า อาการของหลานหนักมาก แพทย์พยาบาล รพ.ศรีสะเกษ ได้พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ กระทั่งเสียชีวิตเมื่อช่วง05.00 น.วันที่ 25 ก.ค.66 ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 28 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ที่อ้างว่าเป็น ชาว สสอ.ขุขันธ์ ได้โพสต์ข้อความในกลุ่มไลน์ต่าง ๆ ของ จ.ศรีสะเกษว่า “คุณได้ข่าว พวกเราเสียหาย ตามที่ ปรากฏเป็นข่าว ว่า เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านจะกงไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ https: ……ขอนำเรียนว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงทางรพ.สต.มีกล้องวงจรปิดสามารถตรวจสอบได้นักข่าวมีการบิดเบือน วันที่ 24 กรกฎาคม 2566 เด็กหญิง….อายุ 2ปี หมู่ 13 ตำบลจะกง จังหวัดศรีสะเกษ cc : เด็กหญิง 2 ปี มาด้วยอาการเม็ดมะยมดองติดคอ (ไม่ทราบเวลาเป็นก่อนมา) PE : ญาติแจ้งว่าเด็กเม็ดมะยมดองติดคอ at 19.40 น.แรกรับ Pt ตัวเขียว มีเลือดออกปากและจมูก ไม่รู้สึกตัว E1 V1 M1 ดูแลเบื้องต้นให้ เด็กอาเจียนออก 1 ครั้ง ลักษณะเป็นของเหลวมีเลือดปน คลำชีพจรได้อ่อนเบา แจ้งญาติให้นำส่งโรงพยาบาลวังหิน โรงพยาบาลวังหินช่วยฟื้นคืนชีพแล้วส่งต่อโรงพยาบาลศรีสะเกษ ต่อมาเสียชีวิตที่ โรงพยาบาลศรีสะเกษ การออกข่าวบิดเบือนดังกล่าว เป็นการปั่นทอนกำลังใจ พวกเราชาวสารณสุข อำเภอขุขันธ์…ขอให้ผู้เกี่ยวข้องได้แก้ไขข่าวให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ที่เสียสละอุทิศตนเพื่อดูแลชุมชนยามค่ำคืนด้วยครับ” โดยมีลิงก์และภาพข่าวของทีวีช่อง…… ประกอบในโพสต์ข้อความด้วยนั้น

เพื่อเป็นการติดตามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ นักสังคมสงเคราะห์ จ.ศรีสะเกษ ได้นำคณะสื่อมวลชนเดินทางไปที่ รพ.สต.จะกง อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อไปถึงพบว่า มีเจ้าหน้าที่ จำนวน 3 คน อยู่ปฏิบัติหน้าที่บริการประชาชนที่เจ็บป่วยและมีประชาชนมาเข้ารับการรักษาพยาบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยอย่างเต็มที่ ภายในบริเวณ รพ.สต.จะกง มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ เอาไว้ตลอดเวลา มีบ้านพักเจ้าหน้าที่จำนวน 2 หลัง อยู่ในบริเวณ รพ.สต.และพบรถ EMS.รับส่งต่อผู้ป่วยจอดอยู่เพื่อพร้อมให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ตลอดเวลา
           เจ้าหน้าที่ รพ.สต.จะกง คนหนึ่ง เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุ เป็นเวลาประมาณ 19.40 น.ของวันที่ 24 ก.ค. 66 มี เจ้าหน้าที่พยาบาลเข้าเวรประจำ รพ.สต.อยู่ ได้ให้การรักษาพยาบาลเด็กหญิงอายุ 2 ขวบ ซึ่งพบว่า เด็กหญิงร่างกายลักษณะเป็นตัวเขียว มีเลือดออกปากและจมูก ไม่รู้สึกตัว พยาบาลเวรจึงได้ทำการดูแลเบื้องต้นอย่างเต็มที่ใช้เวลาประมาณ 3 นาที โดยให้เด็กอาเจียนออก 1 ครั้ง ลักษณะเป็นของเหลวมีเลือดปน คลำชีพจรดูแลอ่อนเบามาก จึงได้แจ้งให้ญาติรีบนำตัวผู้ป่วยส่งไปยัง รพ.วังหิน ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดระยะทางประมาณ 18 กม. หากจะไปที่ รพ.ขุขันธ์ ระยะทางจะไกลกว่าประมาณ 22 กม. โดยญาติใช้รถปิคอัพโตโยต้ารุ่นวีโก้ส่งผู้ป่วยไป รพ.วังหินช่วยฟื้นคืนชีพแล้วส่งต่อไปยัง รพ.ศรีสะเกษ ต่อมาเด็กได้เสียชีวิตที่ รพ.ศรีสะเกษ ซึ่งทาง รพ.สต.จะกง มีคลิปภาพจากกล้องวงปิดยืนยันว่า มีเจ้าหน้าที่พยาบาลอยู่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือเด็กอย่างเต็มที่ ไม่ได้เป็นไปตามข่าวที่ระบุว่า ไม่พบเจ้าหน้าที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด

ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ นักสังคมสงเคราะห์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนรู้สึกเห็นใจครอบครัวญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตและเห็นใจเจ้าหน้าที่ รพ.สต.จะกง ที่ทำงานบริการประชาชนอย่างเหน็ดเหนื่อย ตนอยากทราบข้อเท็จจริงเพื่อช่วยเหลือ จึงได้แวะมาถามไถ่จากเจ้าหน้าที่ที่ทำแผลให้คนไข้ และได้ทราบว่า ที่จริงแล้ว รพ.สต.จะกง มีเจ้าหน้าที่รับคนไข้และดูแลคนไข้ทันที แต่หลังจากประเมินสถานการณ์จากการรักษาใน เบื้องต้นเห็นว่า ว่าต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์เครื่องมือมากกว่านี้เพื่อจะช่วยรักษาคนไข้ได้ จึงได้แนะนำให้รีบส่ง รพ.วังหิน เพราะเส้นทางไป อ.วังหินใกล้กว่าไป รพ.ขุขันธ์ และยืนยันว่า รพ.สต.จะกง มีหลักฐานทางกล้องวงจรปิดว่า มีเจ้าหน้าที่รับคนไข้และรักษาคนไข้ ไม่ใช่ตามข่าวที่ได้นำเสนอไป ตนจึงได้มาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และบอกว่าจะนำความจริงไปรายงานให้ผู้เกี่ยวข้องและผู้บังคับบัญชาของ รพ.สต.ได้ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
          ต่อมาเวลา 16.35 น.วันที่ 28 ก.ค. 66 ที่ห้องปฏิบัติราชการ นพ.สสจ.ศรีสะเกษ นพ.ทนง วีระแสงพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.ศรีสะเกษ ได้เปิดการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทุกแขนงว่า ในวันเวลาเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่ รพ.สต.จะกงอยู่ปฏิบัติหน้าที่และมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในรพ.สต.โดยได้ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นอย่างเต็มที่ดูจากคลิปของกล้องวงจรปิดแล้วใช้เวลาไม่เกิน 3 นาทีโดยช่วงเกิดเหตุมีรถยนต์ปิคอัพเข้ามาจอดด้านหน้า รพ.สต.จากนั้นญาติได้อุ้มเด็กเข้ามาใน รพ.สต.เจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าไปทำการตบหลังและตบหน้าอกแต่ว่าวัตถุที่ติดคออยู่ไม่ออกมาและเด็กมีอาเจียนออกมาเป็นเลือด ซึ่งเจ้าหน้าที่ รพ.สต.ได้สังเกตตรวจดูอาการแล้วเห็นว่า ถ้ามัวแต่ใช้เวลาในการช่วยเหลือเบื้องต้นอาจจะใช้เวลานานไป ดังนั้นจึงได้รีบนำตัวเด็กส่งต่อไปยัง รพ.วังหินที่อยู่ใกล้ที่สุด

นพ.ทนง วีระแสงพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ซึ่งกรณีนี้เมื่อเด็กถูกส่งไปถึง รพ.วังหินจากการที่ได้สอบถามแล้วทราบว่าแพทย์ที่อยู่ในห้องฉุกเฉินได้ทำการช่วยกู้ชีวิต โดยเห็นเด็กที่มาในตอนนั้นตัวเขียวหมดแล้วและไม่มีชีพจรแล้ว ก็ต้องทำการกระตุ้นหัวใจ ซึ่งขณะที่กำลังจะสอดท่อลงไปในหลอดลมคอพอดีใช้เครื่องส่องลงไปในหลอดลมได้พบเม็ดมะยมดองติดอยู่ที่หลอดลมตรงเหนือกล่องเสียง จึงได้ใช้ที่คีบดึงเอาเม็ดมะยมดองออกมาก็แสดงว่าเม็ดมะยมดองลงไปติดค่อนข้างลึกมาก ซึ่งใช้วิธีกระตุ้นให้เม็ดมะยมดองออกมา โดยหากใช้วิธีปกติแล้วจะไม่ได้ผลแต่ว่าหลังจากที่นำเอาเม็ดมะยมดองออกมาได้แล้วก็ได้ทำการใส่ท่อช่วยหายใจและทำการช่วยฟื้นคืนชีพจนชีพจรกลับมา แต่เด็กอยู่ในภาวะโคม่าไม่รู้สึกตัวคือได้ชีพจรมามีหัวใจเต้นเพียงอย่างเดียว เนื่องจากว่าขาดอากาศหายใจไปนาน รพ.วังหินจึงได้ส่งต่อไปยัง รพ.ศรีสะเกษ ซึ่งทาง รพ.ศรีสะเกษก็ได้ดูแลรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ในห้องผู้ป่วยวิกฤติและทราบว่าผู้ป่วยได้เสียชีวิตในช่วงตอนเช้าเวลาประมาณ 05.00 น.เศษของวันที่ 25 ก.ค.66 ที่ รพ.ศรีสะเกษ
          นายแพทย์สาธารณสุข จ.ศรีสะเกษ กล่าวต่อไปว่า รพ.สต.ทุกแห่งไม่ว่าจะอยู่สังกัดไหนก็ได้ให้การดูแลช่วยเหลือประชาชนทั้งในเวลาและนอกเวลาราชการอย่างเต็มที่ แต่ก็อยู่ภายใต้ศักยภาพเท่าที่มีอยู่ในระดับนั้น ๆ และเรื่องของการสื่อสาร การขอคำปรึกษาและการส่งต่อ ซึ่งในสังกัดของ สสจ.ศรีสะเกษ กระทรวงสาธารณสุขเองนั้น ได้ให้เจ้าหน้าที่ขึ้นเวรนอกเวลาราชการ เพียงแต่ว่าเราจะขึ้นถึงประมาณ 20.00 น.หลังจากนั้นก็จะเป็นเวรตามที่ได้รับมอบหมายเพราะว่าบางครั้ง รพ.สต.อยู่ค่อนข้างไกลและเปลี่ยว บางครั้งเจ้าหน้าที่เป็นสุภาพสตรีก็จะอยู่ที่บ้านพักบางครั้งก็ต้องให้ญาติคนไข้ไปเรียกเอาที่บ้านพักที่อยู่ใกล้กันและหากบางครั้งช่วงที่ยังไม่ดึกมากนะ ก็ยังคงนั่งทำงานอยู่ในสำนักงานอยู่สามารถให้บริการได้อย่างทันที ก็ถือว่าระบบในการให้บริการนั้นยังบริการอยู่ ถ้าหลังสองทุ่มไปแล้วจริงๆก็จะต้องไปเรียกเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ที่บ้านพักติดกัน ต้องเคาะประตูเรียกไม่ได้ปิดให้บริการแต่อย่างใด

นพ.ทนง วีระแสงพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.ศรีสะเกษ ยังกล่าวด้วยว่า จริงๆแล้ว สถิติเด็กเล็กอมของบางอย่างและหลุดลงไปในคอ ปีหนึ่งจะมีประมาณ 300 รายต่อปีทั้งประเทศไทย ซึ่งดูจากรายงาน 1669 ที่ไปให้การช่วยเหลือช่วยรับส่งดูแล การที่หลอดลมอุดกั้นจากสิ่งแปลกปลอมจะต้องช่วยให้ออกโดยเร็วภายในเวลา 4 นาทีแรก ดังนั้นทั้งหลายทั้งปวงนี้จะต้องยอมรับว่าผู้ปกครองเองจะต้องมีความรู้ในการช่วยเหลือฉุกเฉิน เพราะว่ามีเวลาให้การช่วยเหลือเพียง 4 นาทีเท่านั้น หลังจากนั้นถ้าอุดกั้นหลอดลมจนตัวเขียวแล้วถือว่าอยู่ในภาวะวิกฤต เด็กก็จะขาดอากาศหายใจ ดังนั้นการเดินทางไปรักษาพยาบาลก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทางแพทย์จะให้การช่วยเหลือได้ แต่ว่าขึ้นกับระยะทางและเวลาที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยด้วย ก็ต้องถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ผู้ปกครองทุกคนจะต้องระมัดระวังถ้ามีลูกหลานที่อยู่ในวัยนี้ วัยที่กำลังเริ่มเอาของใส่ปากในกลุ่มที่อายุน้อยกว่า 1 ปีและ 2 ปีขึ้นไป

CATEGORIES
TAGS
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!