“ถวิล พึ่งมา”ฟ้องกลับ สจล.-แบงค์ไทยพาณิชย์-กรุงศรีฯ“ เรียกค่าเสียหาย 60 ล้าน หลังชนะเด็ดขาดทุกคดี ถูกกล่าวหาทุจริตเงิน 1,600 ล้าน

“ถวิล พึ่งมา”ฟ้องกลับ สจล.-แบงค์ไทยพาณิชย์-กรุงศรีฯ“ เรียกค่าเสียหาย 60 ล้าน หลังชนะเด็ดขาดทุกคดี ถูกกล่าวหาทุจริตเงิน 1,600 ล้าน

ภาพ-ข่าว:นายหัวไทร

              ศ.ถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้ว่าจ้างนายสมพร ดำพริก เป็นทนายความยื่นฟ้อง สจล.-ธนาคารไทยพาณิชย์-ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เรียกค่าเสียหาย 60 ล้านบาท หลังชนะทุกคดีที่ถูกกล่าวหาลักทรัพย์ของ สจล.เป็นเงิน 1,600 ล้านบาท และคดีถึงที่สุดหมดแล้ว ทั้งศาลจังหวัดมีนบุรี และศาลอาญาทุจริต และประพฤติมิชอบ (โจทก์ไม่อุทธรณ์) คดีนี้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์ กับนายทรงกลด ศรีประสงค์ กับพวกรวม 14 คน จำเลย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังกับพวกรวม 3 คน โจทก์ร่วม ในข้อหาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ลักทรัพย์ และความผิดต่อ พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายหมาย อาญา มาตรา 83, 147, 157, 264, 265, 266, 268, 335 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือ หน่วยงานของภาครัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4, 8 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 10, 60 ให้จำเลยทั้งสิบสี่ร่วมกันชดใช้เงินให้แก่โจทก์ร่วม

              ศาลอาญามีนบุรีมีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 คนละ 50 ปี และให้ร่วมกันชดใช้เงิน จำเลยที่ 3 จำคุก 9 ปี จำเลยที่ 4 จำคุก 4 ปี 6 เดือน จำเลยที่ 6 จำคุก 13 ปี 6 เดือน จำเลยที่ 7 จำคุก 9 ปีจำเลยที่ 10 จำคุก 24 ปี 9 เดือน และให้ร่วมกันชดใช้เงิน จำเลยที่ 11 จำคุก 9 ปี จำเลยที่ 12 จำคุก 20 ปีจำเลยที่ 13 จำคุก 4 ปี 6 เดือน จำเลยที่ 14 จำคุก 4 ปี 6 เดือน ยกฟ้องจำเลยที่ 5 ที่ 8 และ ที่ 9 (ศ.ดร. ถวิลพึ่งมา)ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือเเล้วพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 7 ที่ 10 ที่ 13 และที่ 14 นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคําพิพากษาศาลชั้นต้น สำหรับจำเลยที่ 1-3 ,6,12 ได้แถลงต่อศาล ขอให้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดในวันนี้ ศาลอนุญาตให้ออกหมายจำคุกถึงที่สุด

              สำหรับรายชื่อจำเลยทั้งหมดประกอบด้วย นายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์ จำเลยที่ 1, น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผอ.ส่วนการคลัง สจล. จำเลยที่ 2 , นายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ จำเลยที่ 3, น.ส. จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ จำเลยที่ 4 , นายสมบัติ โสประดิษฐ์ จำเลยที่ 5 , นางระดม มัทธุจัด ที่ 6 , นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการณ์ ที่ 7, นายภาดาบัวขาว ที่ 8 , ศ.ถวิล พึ่งมา อายุ 64 ปี อดีตอธิการบดี สจล.ที่ 9 , นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อดีตผช.อธิการบดีที่10 , นายสลุต ราชบุรี ที่ 11 , นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ที่ 12 , นายสมพงษ์ สหพรอุดมการณ์ ที่ 13 และนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ที่ 14
               ศ.ถวิล กล่าวหลังจากมอบหมายให้ทนายสมพร ฟ้องกลับว่า ตนเองมาเป็นอธิการบดี สจล.ปี 2556-2557 จนเกษียณอายุ 60 ปี ก็ออกมาอยู่บ้าน อยู่ๆก็มีหมายเรียกจากตำรวจให้ไปเป็นพยานคดี มาทราบข่าวภายหลังว่า เงินของสถาบันหายไป 1600 ล้านบาท ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าหายไปเยอะมาก “ตำรวจสอบอยู่ 3-4 ครั้ง จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการทำให้เงินสถาบันหายไป ซึ่งขณะนั้นไม่ได้ทราบอะไรมาก มาทราบทีหลังว่าเงินหายครั้งแรกช่วงปี 41-42 ตอนนั้นผมยังเป็นอาจารย์ธรรมดา และหายเรื่ิอยมา มาถึงก่อนหน้าผมหายไป 3-400 ล้านบาท ช่วงผมหายมาก 700 ล้านบาท หลังจากผมออกมาแล้วหายอีก 300 ล้านบาท”

              ศ.ถวิล กล่าวอีกว่า เรื่องมาแดงตอน สจล.ตีเช็ค ปรากฏว่า เช็คเด้ง เงินหมดคลัง เงินที่หายไปเป็นเงินคงคลัง เงินสะสม ไม่ใช่เงินงบประมาณประจำปี เงินอยู่ในการดูแลของสภามหาวิทยาลัย อธิการบดีสั่งจ่ายได้ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ โดยการอนุมัติของสภามหาวิทยาลัย “ผมต่อสู้มาทั้งศาลมีนบุรี และศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ ทุกศาลยกฟ้องผมหมด คดีถึงที่สุดหมดแล้ว ผมถือเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว”

             ศ.ถวิล กล่าวว่า ได้เจอกับทนายสมพร ฟังจากการบรรยาย เห็นว่าท่านเป็นคนตรงไปตรงมา มีทักษะในการว่าความ จึงให้รับผิดชอบในการฟ้องกลับ สจล.และธนาคารทั้งสอง “ที่ผ่านมาผมเสียหายมาก ขายที่ดินไปสองแปลงมาสู้คดี ค่าประกันตัวศาลมีนบุรี 5 ล้านบาท ค่าประกันตัวศาลทุจริตฯ 8 ล้านบาท ต้องวิ่งยืมเงินกันวุ่นวาย” ศ.ถวิล ยังบอกบอกอีกว่า ยังมีค่าจ้างทนายความ 3 ล้านบาท ค่าประกันตัว 13 ล้านบาท ยังต้องวิ่งไปวิ่งมาขึ้นศาลอีก ใช้เงินไปเยอะ เกษียณแล้วไม่มีรายได้ด้วย “ขายที่ไปสองแปลง เสียเรื่องชื่อเสียง ที่เคยเป็นที่ปรึกษา 2-3 บริษัท เขาก็เลิกจ้างหมด เพราะชื่อเสียงเสียหาย เป็นอาจารย์ เป็นอธิการบดีมีลูกศิษย์เป็นพันคน ทุกวันนี้เขาเรียกถวิล 1600 ล้าน ญาติพี่น้องยังหมดความเชื่อถือ จึงจำเป็นต้องฟ้องเรียกชื่อเสียงกลับคืนมา”

            ศ.ถวิล กล่าวอีกว่าเคยเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ก็ไม่มีใครจ้าง เคยทำงานวิจัยทั้งในประเทศ และต่างประเทศมาตลอดจนได้เป็นศาสดาจารย์ มีงานวิจัยกว่า 200 เรื่อง ต้องถูกเลิกจ้างหมด งานวิจัยก็เลิกทำโดยอัตโนมัติ เคยเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่างๆ ก็ไม่มีใครเสนอแต่งตั้งอีก “ฟ้องเรียกค่าเสียหายไป 60 ล้านบาท ค่าชื่อเสียง 25 ล้านบาท ค่าทนายความก็ต้องเรียกคืน รวมถึงค่าเสียโอกาสด้วย”

            ด้านทนายสมพร กล่าวว่า ท่านถวิลเป็นคนดีมีชื่อเสียง และเป็นผู้ถูกกระทำ ท่านไม่อยากจะฟ้อง แต่พูดคุยกันว่า ท่านต้องฟ้องให้เป็นตัวอย่าง เป็นเยี่ยงอย่างให้คนไทย เพื่อให้เห็นว่า ท่านนอนอยู่บ้านดีๆ แต่ถูกลากตัวมาดำเนินคดี มีข่าวไปทั่วโลก ทั่วประเทศ เมื่อพ้นผิดบริสุทธิ์แล้วไม่มีสื่อไหนลงข่าวแก้ให้ “ท่านทรมานมาสี่ปีกว่า สืบพยานแต่เช้า สุดท้ายศาลยกฟ้อง จึงต้องฟ้องกลับกับคนที่มากล่าวหา เป็นสิทธิ์ของท่านในการเรียกร้องความเป็นธรรม และชื่อเสียงกลับคืนมา ”ความมั่นใจอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล ถ้าศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว และผู้เสียหายเห็นว่าเหมาะสม ก็จะไม่มีอุทธรณ์ ฏีกา ท่านพูดด้วยซ้ำว่าถ้าได้เงินมา จะเอาเงินไปทำบุญช่วยเหลือคนที่ทุกข์ยาก และถูกกระทำอย่างท่าน“ ทนายสมพร กล่าว

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!