ประจวบคีรีขันธ์-เจ้าอาวาสวัดดังขับเก๋งยามวิกาลถูกรถจักรยานยนต์วัยรุ่นเสยท้ายสาหัส 2 ราย
ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ
เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วันที่ 15 มกราคม 2567 ร.ต.อ.ศุภลักษณ์ หวานวาจา รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์เก๋งมีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส 2 ราย เหตุเกิดบริเวณถนนประจวบคีรีขันธ์ สายเพชรเกษม-บ้านหนองเสือ ห่างจากถนนเพชรเกษมสายหลักทางหลวงหมายเลข 4 ประมาณ 1 กิโลเมตร หลังได้รับแจ้งจึงพร้อมด้วย ด.ต.จักรพงษ์ อินทนพ ผบ.หมู่ป้องกันปราบปราม สภ.เมืองประจวบฯ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบฯ และ ลุงนึกประจวบรถยก ร่วมตรวจสอบเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บในจุดเกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Honda Wave ไอ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพรถลักษณะแต่งซิ่ง เสียหายเกือบทั้งคัน บังโคลนล้อหน้า บังลม และไฟหน้าแตกละเอียดกระจัดกระจายล้อหน้าคดได้รับความเสียหาย ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายเป็นชายอายุประมาณ 17 ปี ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสแขนขาหัก ทั้ง 2 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นนำตัวส่งโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ใกล้กันพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อPersona สีดำ หมายเลขทะเบียน กก 2630 ประจวบฯ ถูกเฉี่ยวชนเข้าที่บริเวณท้ายรถด้านซ้าย บริเวณซุ้มล้อหลังทำให้รถได้รับความเสียหาย ล้อแม็กยางแตก ผู้ขับขี่เป็นพระ ซึ่งทราบต่อมาว่าเป็นเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งในเขตเทศบาล ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
จากการสอบถามเบื้องต้นจากพระเจ้าอาวาสซึ่งเป็นผู้ขับขี่ เปิดเผยว่า อาตมาได้ไปต่อโต๊ะไม้ที่โรงไม้แห่งหนึ่งในซอยข้างโรงเจหนองเสือ เพื่อทำเป็นโต๊ะไปมอบให้กับผู้ป่วยผู้สูงอายุที่อยู่บริเวณหมู่บ้านพุพยอม ซึ่งในระหว่างที่ขับรถเก๋งออกมา และกำลังเลี้ยวขวาเข้าไปในถนนซอย ระหว่างนั้นได้มีรถจักรยานยนต์ ซึ่งวิ่งมาทางตรงด้วยความเร็ว พุ่งเข้าชนที่บริเวณซุ้มล้อซ้ายหลังรถ ทำให้รถคู่กรณีทั้ง 2 คันได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชายอายุประมาณ 17 ปี มีอาการแขนและขาหัก ส่วนเหตุผลที่เจ้าอาวาสต้องขับรถเอง สืบเนื่องจากช่วงแรกได้นั่งรถเก๋งมากับคนขับรถในคันเดียวกัน เพื่อมุ่งหน้าไปโรงต่อไม้ และเจ้าอาวาสเป็นผู้ต่อโต๊ะเอง ซึ่งเมื่อต่อเสร็จแล้วได้ให้ลูกศิษย์ยืมรถของเจ้าของโรงไม้เพื่อบรรทุกโต๊ะไม้ ที่อาตมาต่อเสร็จแล้วนำไปส่งมอบให้ผู้ป่วยสูงอายุ โดยให้คนขับรถขับรถกระบะบรรทุกโต๊ะไม้มาส่งให้กับผู้ป่วยสูงอายุ ส่วนตัวเจ้าอาวาสได้ขับรถเก๋งของวัดตามหลังมาติดๆและมาเกิดอุบัติเหตุขึ้นดังกล่าว ซึ่งอาตมาเองไม่ได้ตั้งใจ และไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แต่เนื่องจากเป็นเหตุสุดวิสัยที่มีคนขับรถของวัดติดตามมาด้วยเพียงคนเดียว ด้วยความจำเป็นและเร่งรีบที่จะนำโต๊ะไปมอบให้ผู้ป่วย และเกรงว่าจะมืดดึกต้องรีบกลับเข้าวัด อาตมาจึงได้ขับรถของวัดตามมาด้วยตัวเอง แล้วมาประสบอุบัติเหตุขึ้นดังกล่าว
อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดว่าพระเจ้าอาวาสมีอาการมึนเมาหรือไม่ ผลปรากฏว่าเป็นศูนย์(ไม่เมา) พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาความผิด คือ ผิดพระวินัย หรือมีความผิดตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก พ.ศ.2522 มีความผิดตามมาตรา 28 มาตรา 29 และมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 และหากขับรถยนต์โดยประมาทจนเกิดอุบัติเหตุเป็นเหตุให้ทรัพย์สินหรือผู้อื่นได้รับความเสียหายหรือได้รับบาดเจ็บ หรือถึงแก่ชีวิต จะมีโทษปรับหรือโทษจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ
