กาฬสินธุ์-เขื่อนลำปาวปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดพื้นที่ด้านล่างพร้อมรับมือ
ภาพ-ข่าว:ทีมข่าวจังหวัดกาฬสินธุ์
เขื่อนลำปาวจังหวัดกาฬสินธุ์ประกาศปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันได หลังหลายพื้นที่ยังคงมีฝนตกและมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างต่อเนื่องทำให้เกินระดับกักเก็บ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้านผอ. โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวระบุ จะคงการระบายน้ำไว้วันละไม่เกิน 24.19 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยจะคำนึงถึงเสถียรภาพของตัวเขื่อน และปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำในแต่ละวัน รวมทั้งเพื่อลดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด ขณะที่พื้นที่เหนือเขื่อนและด้านล่างเตรียมพร้อมรับมือ
วันที่ 29 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ได้ออกประกาศ เรื่อง สถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาว และแนวทางการระบาย ฉบับที่ 6 เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา หลังหลายพื้นที่ยังคงมีฝนตก และมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างต่อเนื่อง ล่าสุดเช้าวันนี้ยังมีน้ำไหลเข้ามาอีก 37 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้เกินระดับกักเก็บ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยปัจจุบันมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 2,050 ล้านลูกบาศก์เมตร จากระดับกักเก็บ 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 103.54 ซึ่งมีเกินกักเก็บ 70 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ทางเขื่อนต้องประกาศถึงความจำเป็นปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันได เพื่อรักษาเสถียรภาพของตัวเขื่อน
นายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ระบุว่า ปัจจุบันยังคงมีปริมาณน้ำไหลเข้ามาในอ่างเก็บน้ำลำปาวอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยวันละ 20-30 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้มีปริมาณน้ำเกินความจุระดับกักเก็บที่ 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร มาตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งทางโครงการฯได้ระบายน้ำแบบขั้นบันไดมาเรื่อยๆ และพยายามที่จะหน่วงน้ำไว้ เพื่อลดความเสียหายผลกระทบกับพื้นที่ด้านท้าย จากฝนที่ตกต่อเนื่องในช่วงวันที่ 26-28 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา จากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศแจ้งเตือน ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ และยังมีแนวโน้มที่จะมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างในปริมาณมากต่อเนื่องไปอีกไม่น้อยกว่า 7 วัน ซึ่งปัจจุบันได้มีการระบายน้ำผ่านอาคาร ระบายน้ำ (Service Spillway) ในอัตราวันละ 19.47 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 225.38 ลูกบาศก์เมตร/วินาที แต่ยังไม่ทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำมีแนวโน้มลดลง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นจะต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดไป จนถึงวันละไม่เกิน 24.19 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 280 ลูกบาศก์เมตร/วินาที โดยเบื้องต้นในช่วงนี้จะคงการระบายน้ำในระดับนี้ไว้ และจะติดตามสถานการณ์และอาจมีการปรับเปลี่ยน โดยจะคำนึงถึงเสถียรภาพของตัวเขื่อน และปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำในแต่ละวัน รวมทั้งปริมาณน้ำ คาดการณ์ที่จะไหลเข้าอ่างเก็บน้ำด้วย
ทั้งนี้จะทำให้ระดับในลำน้ำปาวด้านท้ายเขื่อน จะมีระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงขอประกาศให้ประชาชนด้านท้ายเขื่อน บริเวณสองฝั่งลำน้ำปาว ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขน ย้ายสิ่งของที่อยู่บริเวณที่ต่ำขึ้นที่สูง เพื่อป้องกันความเสียหาย
อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาวที่เกินระดับกักเก็บ ยังส่งผลกระทบพื้นที่ด้านเหนือเขื่อน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ติดกับเขื่อนลำปาว ซึ่งปริมาณน้ำได้เอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนที่บ้านหนองสรวง ม.10 ตำบลหนองสรวง อำเภอหนองกุงศรี 8 หลังคาเรือน ซึ่งชาวบ้านต่างพากันขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และหน่วยงานาครัฐที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
นอกจากนี้พระครูสังฆรักษ์เกริกพล สุตธัมโม เลขานุการเจ้าคณะตำบลลำหนองแสน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเมตตาธรรมกาฬสินธุ์ จุดหนองกุงศรี ยังนำเรือท้องแบนเข้าขนกระสอบทราบเพื่อนำแนวป้องกันคลื่นจากน้ำเขื่อนลำปาวมีระดับน้ำเกินความจุ เพื่อป้องกันอาคารภายในวัดสว่างคงคา ต.เสาเล้า อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ไม่ให้ความทรุดตัวหรือไม่ให้เกิดความเสียหายต่ออาคารภายในวัด
ขณะที่นายเอกรัตน์ มิสา นายอำเภอยางตลาด ได้มอบหมายให้นายอัมรินทร์ ถิตย์รัตน์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นายนิคม วงศ์เชียงยืน ปลัดป้องกัน เจ้าหน้าที่ปกครอง สมาชิก อส ร่วมกับ เทศบาลตำบลบัวบาน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่บ้านเชียงสา ม.9 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำในปริมาณที่เพิ่มขึ้นของเขื่อนลำปาว โดยได้มีการเตรียมการบรรจุกระสอบทรายรับมือสถานการณ์หากมีปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น และได้เน้นย้ำผู้นำชุมชนได้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิดอีกด้วย