ชลบุรี-ร้านของชำพม่า ร้องสื่อ ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็น ตร.ศปลป. รีดเงิน เหยื่อหลายราย

ชลบุรี-ร้านของชำพม่า ร้องสื่อ ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็น ตร.ศปลป. รีดเงิน เหยื่อหลายราย

ภาพ/ข่าว  นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าของชำ ที่จำหน่ายสินค้าพม่า ในพื้นที่เมืองพัทยา หลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปลป.ทำทีเข้าจับกุมสิ้นค้า ก่อนจะเรียกไกล่เกลี่ยเป็นเงินหลักหมื่นบาท พร้อมขอเก็บรายเดือน เพื่อแลกกับการไม่เข้าจับกุม ซึ่งมีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อยอมจ่ายเงินไปหลายร้าน แต่ภายหลังได้เช็คแล้วว่าหน่วยงานดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องและไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ ประกอบกับมีผู้เสียหายหลายราย จึงเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา

โดยนายมงคล เที่ยงแขม อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียหายเปิดเผยว่าในวันที่เกิดเหตุนั้น มีผู้ชายลักษณะคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาในชุดนอกเครื่องแบบ สังกัด ศปลป. เข้ามาตรวจสอบสินค้าในร้าน โดยอ้างว่าจะจับสินค้าไม่มี อย. เป็นสินค้าของใช้สำหรับคนพม่า คนไทย ไม่สามารถขายได้ ซึ่งตนเองและแฟนก็ไม่รู้ว่าหน่อยงานนี้มีจริงหรือไม่ แต่ด้วยความตกใจประกอบกับ กลุ่มชายฉกรรจ์อ้างว่าจะจับดำเนินคดีต้องเสียค่าปรับ 2-3 แสนบาท ตนเองก็ไม่อยากมีปัญหาก็อยากเคลียร์ให้จบ โดยตกลงกันที่ 20,000 บาท ซึ่งก็ยอมรับว่าสินค้าบางชิ้นอาจจะไม่มี อย. แต่ภายหลังเช็คแล้วว่า หากถูกจับจะเสียค่าปรับไม่กี่บาท จึงยอมจ่ายไป แต่กลุ่มที่อ้างเป็นตำรวจ ยังขอเก็บส่วยรายเดือน เดือนละ 1,000 -2,000 บาท ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายหลายราย ซึ่งได้เดินทางเข้าไปแจ้งความบ้างแล้ว
          ด้าน น.ส.อริสา หาญเชิงชัย อายุ 32 ปี ผู้เสียหายอีกรายเปิดเผยว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ ซึ่งเป็นชุดเดียวกันกับรายแรก เข้ามาแสดงตัวเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด ศปลป. จะจับกุมเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าพม่า ที่ไม่มีฉลากภาษาไทยและจะดำเนินคดีหนัก ตนเองกลัวและก็ไม่อยากเสียเวลา ทางกลุ่มชายฉกรรจ์ ได้เสนอให้ไกลเกลี่ย ในวงเงิน 20,000 บาท ตนเองพยายามต่อรองยังไงก็ไม่ยอมจึงต้องยอมจ่ายไป จนมาทราบทีหลังว่าไม่ได้มีโทษหนัก ทำให้ตนเองรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม
        ขณะที่กล้องวงจรปิด ของทางร้านบันทึกภาพกลุ่มชายฉกรรจ์ไว้ได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งโชว์สลิปการโอนเงินให้กุล่มชายฉกรรจ์ แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าเจ้าของบัญชีได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งทุกคนก็ยืนยันว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน แต่ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ พร้อมนำกล้องวงจรปิดมอบให้เจ้าหน้าที่เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังขอฝากหน่วยงานต้นสังกัด ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง หากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ปฏิบัติโดยมิชอบ ก็อยากให้ดำเนินการไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!