กาฬสินธุ์-สองแม่ลูกยืนยันเจ้าหน้าที่เรียกเงินใต้โต๊ะระหว่างการทำธุรกรรมโอนที่ดินเกิดขึ้นจริง

กาฬสินธุ์-สองแม่ลูกยืนยันเจ้าหน้าที่เรียกเงินใต้โต๊ะระหว่างการทำธุรกรรมโอนที่ดินเกิดขึ้นจริง

ภาพ/ข่าว:ทีมข่าวจังหวัดกาฬสินธุ์

          จากกรณีที่ โลกโซเชียลหนุ่มโพสต์เฟสบุ๊คร้องโลกออนไลน์ อ้างแม่ถูกเรียกเงินใต้โต๊ะค่าโอนที่ดิน ขณะที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์ สาขาหนองกุงศรี เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาพร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ด้านประชาชนมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ถูกเจ้าหน้าที่เรียกรับเงินจำนวนมากนั้น ล่าสุดวันที่ 9 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านผู้ร้องเรียนอยู่ตำบลคำใหญ่ อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ พบกับนางเอ (ลูกสาว) และนางบี (แม่) ผู้เดินทางไปโอนที่ดินที่สำนักงานที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์ สาขาหนองกุงศรี เมื่อวันที่ 5 มี.ค.67 นำหลักฐานใบเสร็จมาแสดงต่อผู้สื่อข่าว จำนวนเงิน 7,255 บาท พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
          นางเอ กล่าวว่า ช่วงเช้าวันดังกล่าวได้เดินทางจากบ้านเพื่อไปทำธุรกรรมทางที่ดินที่สำนักงานที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์ สาขาหนองกุงศรีโดยเดินทางไปกับแม่ ลูกสาวและลูกเขย เมื่อไปถึงได้จับบัตรคิวได้ที่ 17 ทุกอย่างได้ดำเนินตามขั้นตอนเมื่อไปถึงโต๊ะเจ้าหน้าที่ได้ประเมินราคาที่ดินและระบุต้องจ่ายค่าโอนที่ดิน จำนวน 10,400 บาท ตนพร้อมแม่ได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่ว่าทำไมแพงจังเลย “หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้บอกว่าจะมีวิธีการช่วยและประเมินราคาที่จะต้องจ่ายใหม่อยู่ที่ 7,255 บาท โดยเขียนในกระดาษพร้อมยื่นมาให้อ่าน และระบุว่าต้องจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเป็นเงิน 2,200 บาท ตอนแรกรู้สึกไม่เข้าใจว่าทำไมต้องจ่ายด้วย “เจ้าหน้าที่อธิบายว่าจ่ายให้ผมส่วนนี้ให้ผม” ตนรู้สึกงงว่าทำไมต้องจ่ายด้วยทั้งที่เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อยู่แล้วแต่ทำไมต้องมาเรียกเงินในส่วนนี้ เจ้าหน้าที่ยังกล่าวอีกว่าหากไม่จ่ายก็ไม่ต้องโอน รู้สึกมึนงงในเหตุการณ์ดังกล่าว และยอมจ่าย 1,000 บาท ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีความประสงค์ที่จะเรียกรับเงินโดยแสดงออกอย่างชัดเจน และจุดดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดสามารถตรวจสอบวันเวลาสถานที่ได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” นางเอกล่าว
          นางบี กล่าวว่า วันนั้นก็เดินทางไปด้วยกันกับทางครอบครัว ไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์ สาขาหนองกุงศรี เพื่อดำเนินการโอนที่จากลูกสาวมาเป็นที่ของตนเอง โดยเมื่อเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวเจ้าหน้าที่แจ้งว่าการโอนที่จากลูกไปยังแม่ต้องจ่ายในราคาอัตราที่สูงกว่าการโอนที่มรดกจากแม่ให้ลูก จากการประเมินพบว่าต้องจ่ายค่าโอนที่ดินในจำนวนเงิน 11,400 บาท ตนกับลูกสาวก็รู้สึกตกใจในราคาดังกล่าวและมีเจ้าหน้าที่บอกว่าจะช่วยเหลือให้ประเมินที่ต่ำลงและขอค่าดำเนินการส่วนตัวไม่เกี่ยวกับใบเสร็จจำนวน 2,200 บาท คนละครึ่งทางเนื่องจากการลดจากจำนวนเงิน10,400 บาทนั้นลดเหลือ 7,255 บาทมีส่วนต่างประมาณ 4,400 บาท หารครึ่งนึงก็จะตกอยู่ประมาณ 2,200 บาท ต่อมาได้ต่อรองในกระดาษเจ้าหน้าที่ได้เขียนมาอีกครั้งคือ 1,500 บาท “ตนเองบอกว่าไม่สามารถจ่ายได้เพราะเป็นเงินที่สูงจะไม่พอค่าที่โอนในใบเสร็จเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวจึงลดเหลือ 1,000 บาท หลังจากทำธุรกรรมเสร็จได้มึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้คุยกันตลอดเส้นทางจากอำเภอหนองกุงศรี มายังบ้านว่าเขาทำไมกล้าทำเขาอาจจะทำกับคนอื่นหลายแล้วหรือเปล่า เป็นคำถามอยู่ในใจ หากมีบุคคลมาสอบถามว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นลักษณะไหนก็ตอบเหมือนเดิมมากเกิดขึ้นตามที่พูดมาทุกประการ” นางบีกล่าว
          ด้านนายซี ลูกเขยของนางเอ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้กลับมาที่บ้านพร้อมสงสัยว่าเราจะหาทางออกอย่างไรดีมีบุคคลอื่นเจอเหมือนเราหรือเปล่าซึ่งเป็นคำถามในฐานะประชาชนด้วยความบริสุทธิ์ใจจึงโพสต์ลงไปในเฟซบุ๊คเพื่อตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดโดยมีประชาชนให้ความสนใจจำนวนมาก และตอบเคยเจอเหตุการณ์เรียกรับเงินและจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่บางราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่ขอเบอร์โทรเพื่อจะพูดคุย อ้างว่าเจ้าหน้าที่ผู้ชายที่ปฏิบัติหน้าที่โต๊ะดังกล่าวน่าโทรมาอ้างว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน แต่ความจริงแล้วคุณแม่และคุณยาย “ยืนยันว่าถูกเรียกรับเงินจริง”
          อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พบผู้เสียหาอีกรายในพื้นที่อำเภอหนองกุงศรี กล่าวว่าเมื่อวันที่ 9 ม.ค. ถูกเรียกเงินค่าใต้โต๊ะจำนวน 80,000 บาท และต่อรองเหลือจำนวน 50,000 บาท และเมื่อวันที่ 5 มี.ค. เวลา 10.00-12.00 น.ถูกเรียกเงินจำนวน 4,000 บาท ในพื้นที่สำนักงานมีกล้องวงจรปิดหลายตัวอาจจะเป็นเบาะแสสำคัญ ขอให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทำงานตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายเชื่อว่าจะปรากฏความจริงในไม่ช้า ทั้งนี้พร้อมให้ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว สำหรับความเคลื่อนไหวในสำนักงานที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์ สาขาหนองกุงศรี ปรากฏว่าประตูรั้วของสำนักงานเปิดอยู่ 1 ด้าน บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา พบเจ้าหน้าที่ 3 คนอยู่ปฏิบัติหน้าที่นอกเวลาราชการเนื่องจากต้องดำเนินการเคลียร์เอกสารบางส่วน จาการสอบถามเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่าไม่สะดวกให้ข้อมูลใด ๆ เนื่องจากได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกิดขึ้นแล้ว

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!