ราชบุรี-วิกฤติหนัก! ชาวบ้านติดแม่น้ำลำภาชี ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนไม่เหลือที่ทำกิน

ราชบุรี-วิกฤติหนัก! ชาวบ้านติดแม่น้ำลำภาชี ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนไม่เหลือที่ทำกิน

ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย(เต้)

วิกฤติหนัก! ชาวบ้านติดแม่น้ำลำภาชี ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนไม่เหลือที่ทำกิน

          วันที่ 28 ต.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ศิริลักษณ์ ตันงามตรง สจ.เขต 2 อ.จอมบึง พร้อมจนท.ที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบบริเวณริมตลิ่งใกล้แม่น้ำลำภาชี บริเวณพื้นที่บ้านทุ่งแจง หมู่ที่ 2 ต.แก้มอ้น อ.จอมบึง จ.ราชบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจาก นายชัยวัฒน์ ฉัตรมิ่งขวัญ อดีตผญบ.หมู่ที่ 2 และชาวบ้านในพื้นที่ ได้รับความเดือดร้อนถูกกระแสน้ำในแม่น้ำลำภาชีที่เปลี่ยนเส้นทาง กัดเซาะจนตลิ่งพังดินถล่มพื้นที่เกษตรกรสูญหายไปกับสายน้ำ เสียหายกว่า 200 ไร่ ซึ่งชาวบ้านที่มีพื้นที่การเกษตรเป็นพื้นที่สปก. ติดแม่น้ำลำภาชีได้รับความเดือดร้อนมากว่าหลายสิบปี ซึ่งขณะที่ทีมผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบในพื้นที่ พบริมตลิ่งถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนดินถล่มหายลงไปในแม่น้ำอยู่ตลอดเวลา
          นายชัยวัฒน์ อดีตผญบ.หมู่ที่ 2 กล่าวว่า ตนและชาวบ้านอีกหลายคนที่มีพื้นที่การเกษตร ซึ่งเป็นพื้นที่สปก.ติดแม่น้ำลำภาชี ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนทำตลิ่งพังดินถล่ม จนพื้นที่เกษตรของตนและชาวบ้านเสียหายและสูญเสียพื้นที่ไปแล้วกว่า 200 ไร่ ซึ่งที่ผ่านมาบ้านชาวได้พยายามช่วยเหลือตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถป้องกันแนวตลิ่งไม่ให้ถล่มไปได้ เนื่องจากกระแสน้ำในแม่น้ำลำภาชีมีการไหลเชี่ยวและแรง โดยในแต่ละวันพื้นที่การเกษตรที่อยู่ติดแม่น้ำจะถูกกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งพังประมาณ 2 วาต่อวัน
          นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อ อยากวอนให้หน่วยงานของรัฐรีบเข้ามาแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เพราะชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมาก ทำกินไม่ได้ บางรายไม่มีพื้นที่ทำกินแล้ว จนต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น หรือบางคนต้องไปเช่าพื้นทำกินที่อื่นทำกิน เฉพาะของหมู่ 2 เสียหายไปกว่า 200 ไร่ เฉพาะของตนเอง 60 ไร่ ตนอยากให้หน่วยงานของราชการ ทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้น้ำมากัดเซาะตลิ่ง ขอให้ชาวบ้านและตนมีพื้นที่เหลือไว้ทำกิน และที่ตอนนี้กังวลมากที่สุด ถ้าปล่อยให้น้ำกัดเซาะตลิ่งเข้าไปเรื่อยๆ อาจจะถึงถนนเส้นทางเข้าออกของหมู่บ้าน จะทำให้ชาวบ้านถูกตัดขาดไปโดยปริยาย
          ขณะที่ น.ส.ศิริลักษณ์ ตันงามตรง สจ.เขต 2 อ.จอมบึง กล่าวว่า หลังได้รับการร้องเรียกจากชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ต.แก้มอ้น จึงได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหาย โดยเบื้องต้นพบพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านเสียหายไปแล้วกว่า 200 ไร่ ในเฉพาะพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.แก้มอ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ในพื้นที่ หมู่ที่ 2, 3, 5, 9, 10, 14, 15, และหมู่ที่ 17 ต.ด่านทับตะโก ก็มีชาวบ้านกว่าร้อยครัวเรือน รับความเดือดร้อนลักษณะเดียวกัน เสียหายไปกว่า 3,000 ไร่ จนชาวบ้านบางรายไม่มีพื้นที่ทำกิน และต้องย้ายออกไปอยู่ที่อื่น
          น.ส.ศิริลักษณ์ กล่าวต่อ จากการตรวจสอบดูสภาพตอนนี้วิกฤติมากจริงๆ เบื้องต้นตนได้เรียน นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกอบจ.ราชบุรี ให้รับทราบ ซึ่งท่านได้สั่งการเร่งด่วนรีบดำเนินการให้การช่วยเหลือชาวบ้าน แต่ตอนนี้ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เนื่องจากมีเหตุน้ำไหลหลาก ต้องรอให้ไม่มีน้ำไหลหลากหรือฝนตกลงมาอีก ถึงจะเข้าดำเนินช่วยเหลือชาวบ้านต่อไปได้

CATEGORIES
TAGS
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!