กลุ่มชาวประมงทะเลค้านรัฐออกประกาศห้ามนำสัตว์น้ำขนาดเล็กขึ้นเรือตามมาตรา57ต้องให้มีการแก้ไข

กลุ่มชาวประมงทะเลค้านรัฐออกประกาศห้ามนำสัตว์น้ำขนาดเล็กขึ้นเรือตามมาตรา57ต้องให้มีการแก้ไข

ภาพ/ข่าว:พิสิษฐ์ รื่นเกษม

                กลุ่มชาวประมงทะเลค้านรัฐออกประกาศห้ามนำสัตว์น้ำขนาดเล็กขึ้นเรือตามมาตรา57ต้องให้มีการแก้ไข

            เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 65 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้แทนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากกลุ่มเกษตรกรพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ทั้ง 8 อำเภอ และใกล้เคียง รวมกว่า 300 คน นำโดยนายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับพระราชกำหนดการประมงมาตรา 57 พ.ศ.2558 ที่จะนำมาบังคับใช้กับชาวประมง โดยมี นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง พร้อมด้วย สำนักงานประมงจังหวัดประจวบฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมรับฟังปัญหา นายประทีป อบเชย นายกสมาคมประมงพื้นบ้านประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย รองนายกสมาคมฯ ทั้ง 8 อำเภอ เข้าร่วมเวที รับฟังความคิดเห็น เรื่องการกำหนดสัตว์น้ำขนาดเล็ก ของ พรก.การประมง 2558 และ 2560 มาตรา 57

             ตัวแทนชาวประมงพื้นบ้าน 8 อำเภอ ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วมเวทีแสดงความคิดเห็น โดยพร้อมเพรียงนายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมีนโยบายการออกประกาศห้ามนำสัตว์น้ำขนาดเล็กกว่ากำหนดขึ้นเรือประมงตามมาตรา57แห่งพระราชกำหนดการประมง พศ.2558 มาบังคับใช้กับชาวประมงนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมในวันนี้ได้ลงมติว่า อาจทำให้เรือประมงพื้นบ้านและเรือประมงพาณิชย์มีความเสี่ยงที่จะกระทำผิดได้โดยง่ายเหมือนกัน เพราะเครื่องมือประมงพื้นบ้านและเรือประมงพาณิชย์ต่างก็สามารถจับสัตว์น้ำขนาดเล็กได้เช่นกัน ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับชาวประมงในภาพรวม และอาจเป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีการทุจริตเรียกร้องผลประโยชน์โดยมิชอบจากชาวประมงในการไม่ให้ถูกตรวจจับ หากกระทำผิดโดยตั้งใจหรือมิได้ตั้งใจก็ตาม ก็จะถูกดำเนินคดีอย่างรุนแรง เนื่องจากเป็นความผิดร้ายแรงตามมาตรา114(8)โดยจะมีโทษปรับตามมาตรา139ปรับตั้งแต่1แสนบาทถึง30ล้านบาทส่วนในเรือประมงพาณิชย์ หากมีการนำคดีขึ้นสู่ศาล จะมีโอกาสถูกสั่งยึดเรือตามมาตรา169และจะต้องถูกคำสั่งทางปกครองยึดสัตว์น้ำทั้งหมดที่มีอยู่ในเรือประมงตามมาตรา113(1)และถูกเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา113(4)ซึ่งจะทำให้เจ้าของเรือประมงที่มีเรือประมงอยู่หลายลำไม่สามารถขอใบอนุญาตประมงพาณิชย์กับลำอื่นๆตามมาตรา39ได้ ดังนั้นกฎหมายมาตรา57 แห่ง พรก.การประมง จึงเป็นกฎหมายที่ในทางปฎิบัติไม่สามารถจะกระทำได้โดยง่าย สมาคมจึงขอคัดค้านการนำมาตรา57แห่ง พรก.การประมงมาบังคับใช้และเสนอให้เลิกมาตรา57 ออกจากพรก.การประมงด้วย เนื่องจากส่งผลกระทบต่อชาวประมง จากปัญหา เรื่องการกำหนดสัตว์น้ำขนาดเล็ก ของ พรก.การประมง 2558 และ 2560 มาตรา 57 ตัวแทนชาวประมงพื้นบ้าน 8 อำเภอ ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วมเวทีแสดงความคิดเห็น โดยความต้องการชาวประมง พื้นบ้าน

1.ไม่นำมาตรา 57 มาบังคับใช้ หรือต้องมีการพิจารณาให้ดีที่สุด
2.กระจายอำนาจตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 12 ข้อ ให้แต่ล่ะจังหวัดมีอำนาจกำหนด วิธีการทำประมงได้เอง
ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตรที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่าวันนี้ได้มารับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประมงที่ได้ผลกระทบกับการออกมาตรา 57 ของภาครัฐนั้นมีผลกระทบอย่างมากพร้อมกับข้อเรียกร้องของพี่น้องชาวประมงที่ได้รับผลกระทบ การออกมาตรา 57 ของภาครัฐ ซึ่งมีผลกระทบรายปีที่ผ่านมา สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวประมงอย่างมากจากการที่ได้รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอต่างๆซึ่งจะนำไปเรียนให้ท่านเฉลิมชัยศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อหาทางแก้ไขให้กับพี่น้อง ชาวประมงต่อไป นายอลงกรณ์ กล่าว

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!