ประจวบคีรีขันธ์-ระดมความช่วยเหลือแก้ปัญหาช้างป่า

ประจวบคีรีขันธ์-ระดมความช่วยเหลือแก้ปัญหาช้างป่า

ภาพ/ข่าว:พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา
หลายฝ่ายระดมความช่วยเหลือชาวบ้านรวมไทยและย่านซื่อ แก้ปัญหาช้างป่า
       วันที่ 20 มี.ค. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชาชนกว่า 300 คน มาร่วมประชุมที่ศาลาอเนกประสงค์บ้านย่านซื่อ ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ และมีประชามติด้วยการยกมือ พร้อมลงลายชื่อไว้เป็นหลักฐาน ให้ทางนายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ประจวบคีรีขันธ์ และนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและอดีตสมาชิกสภาจังหวัด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เข้ามาผลักดันและสนับสนุนการแก้ปัญหาช้างป่ากุยบุรีอย่างจริงจังเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จนกระทั่งวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา ทางคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำภาคตะวันตก สภาผู้แทนราษฎร พร้อมที่ปรึกษา นำโดยนายสุรทิน พิจารณ์ ประธานอนุกรรมาธิการฯ ได้เดินทางลงพื้นที่ดูข้อเท็จจริงและรับปากจะช่วยผลักดันการแก้ปัญหาช้างป่ากุยบุรี ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำ ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้วนั้น
         ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด นายดิเรก จอมทอง คณะทำงานของนายวิชิต ได้เข้าร่วมการประชุมที่ อบต.หาดขาม เพื่อร่วมกันหาข้อสรุปโครงการทำทางลำลองและรั้วกันช้าง มีนายบุญรอด เขียวเพชร นายกอบต. นายเงิน คงมั่น รองนายกอบต. นายนิกร กลิ่นเกลี้ยง ปลัดอบต. นายมงคล พ่วงจาด นายช่างโยธาชำนาญงาน นายพาน เกิดพร้อม สมาชิก อบต.หมู่ 9 นายยุทธนา อรรณพเพชร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 และตัวแทนจากหมู่บ้านรวมไทยและย่านซื่อกว่า 20 คนเข้าร่วมการประชุม
      ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติให้สำรวจแนวเขตแดนเพิ่มเติม เพื่อทำรั้วและทางลำลองให้ครอบคลุมทั้ง 3 หมู่บ้านรวมประมาณ 40 กิโลเมตร จากเดิมที่อบต.หาดขาม ได้ออกแบบเพื่อขออนุมัติไว้เป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 จากรอยต่อบ้านรวมไทย – อ่างเก็บน้ำพุอ้ายแดง ความยาว 9,267 เมตร ระยะที่ 2 อ่างเก็บน้ำพุอ้ายแดง – ฝายคอนกรีตซอยล็อค 1 ความยาว 6,083 เมตร ระยะที่ 3 บ้านรวมไทย – อ่างเก็บน้ำหุบเฉลา ความยาว 9,167 เมตร รวม 24,517 เมตร นั่นคือต้องทำแบบสำรวจแนวรั้วอีก 15,483 เมตร เริ่มการสำรวจวันที่ 19 มีนาคม 2563 จากอ่างเก็บน้ำพุอ้ายแดง – บ้านพุบอน มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกรมป่าไม้ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ฝ่ายปกครองโดยผู้ใหญ่บ้าน นายช่างโยธาฯ อบต.หาดขาม และชาวบ้านในพื้นที่ร่วมนำเดินสำรวจ
          นายพรเทพกล่าวว่า ตนดีใจที่หลายฝ่ายเข้ามาช่วยแก้ปัญหา โดยน้อมนำ พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2542 ความว่า “…ช้างป่าควรอยู่ในป่า เพียงแต่ต้องทำให้ป่านั้นมีอาหารช้างเพียงพอ การปฏิบัติคือ ให้ไปสร้างอาหารช้างในป่าเป็นแปลงเล็กๆ และกระจาย กรณีช้างป่าออกมาที่ชายป่า ต้องให้ความปลอดภัยกับช้างป่า…” เมื่อมีรั้วกันช้าง เราจะสามารถแยกคนออกจากเขตหากินของช้าง จากนั้นช่วยกันสร้างแหล่งน้ำและอาหาร ให้ช้างอย่างต่อเนื่อง ให้เพียงพอ
         ส่วนนายวิชิต ได้ย้ำถึงการแก้ปัญหาตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หมวด 3 สิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย และหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ปัญหาที่เกิดขึ้นประชาชนในพื้นที่ย่อมมีสิทธิ เสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญ ที่จะร่วมกันเสนอความเห็นให้ภาครัฐนำไปพิจารณาดำเนินโดยเร่งด่วน ตนยังคงให้การสนับสนุนชาวบ้านอย่างเต็มที่ และวันที่ 31 มีนาคมนี้ ตนได้เชิญตัวแทนผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่เดินทางยื่นหนังสือต่อภาครัฐ ที่รัฐสภา(เกียกกาย) โดยมีนายสุรทิน พิจารณ์ เป็นผู้สนับสนุนและร่วมประสานงานในครั้งนี้ อีกด้วย

CATEGORIES
TAGS
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!