ราชบุรี – อดีตทหารหญิงถูกนายจ้างเมีย สว. ทำร้ายร่างกาย

ราชบุรี – อดีตทหารหญิงถูกนายจ้างเมีย สว. ทำร้ายร่างกาย

ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤฤภัย

อดีตทหารหญิงถูกนายจ้างเมีย สว. ทำร้ายร่างกาย

            หลังเป็นประเด็นร้อน ในรายการ #โหนกระแส กรณี ทหารหญิง ถูกนายจ้างที่อ้างตัวเป็น ตร.หญิง สังกัดตำรวจสันติบาล และภรรยา สว. ทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง ทั้งใช้ที่ชอร์ตไฟฟ้า จี้ตามศีรษะและตัว เอาไม้ฟุตเหล็กสับหน้า ไม้ตีดั้งหัก หัวแตก ได้ส่งเรื่องร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมมาที่เพจโหนกระแส ก่อนที่ หนุ่ม กรรชัย จะส่งเรื่องต่อให้ กัน จอมพลัง เพื่อนำทหารหญิงเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.เมืองราชบุรี จนกลายเป็นกระแสสังคม ล่าสุดวันนี้ 18 ส.ค.65 เวลา 16.30 น. ทางนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พร้อมทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ น.ส.เอ ทหารหญิง พร้อมญาติผู้เสียหาย ได้เดินทางมาที่สภ.เมืองราชบุรี เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ตร.หญิง สังกัดตำรวจสันติบาล นายจ้างที่ทำร้ายร่างกายมากว่า 2 ปี โดยมีบรรดาสื่อมวลชนจากหลายแขนงรอทำข่าวกันเป็นจำนวนมาก

            ซึ่งทาง น.ส.เอ ทหารหญิง ได้เปิดใจว่า เดิมตนเป็นลูกจ้างร้านกาแฟของเจ้านายซึ่งอ้างว่าเป็น ส.ว.แล้วฝากให้เป็นทหาร โดยให้สัญญาว่าต้องคอยดูแลรับใช้ ซึ่งช่วงแรกที่ไปทำงานที่บ้าน ก็มีเจ้านายเป็นตำรวจยศสิบตำรวจเอกหญิง(ส.ต.อ.หญิง) คาดว่ามีสังกัดอยู่กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล(บก.อก.บช.ส.) อยู่ด้วยกันกับตน 2 คน จนเริ่มทำงานให้แล้วไม่ถูกใจ หรือพูดไม่เข้าหูเพราะไม่มีหางเสียง ก็เริ่มถูกทำโทษแรงขึ้นเรื่อยๆ ถูกทั้งการใช้มือตบตี ใช้มีดมาขู่ ใช้ไม้ฟุตเหล็กไม้ถูพื้นตี และใช้เครื่องช็อตไฟฟ้า ช็อตตามร่างกายในร่มผ้า และเคยโดนชอร์ตที่ปากเพราะเขาบอกว่าปากมีน้ำลาย นำไฟฟ้าได้ดี แม้กระทั่งถูกฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์จุดไฟเผาหัว น.ส.เอ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เข้าไปทำงานที่บ้านเขา เป็นเวลาเกือบ 2 ปี แทบไม่เคยได้ออกจากบ้านเลย ซ้ำตนต้องขายรถ โน๊ตบุ๊ก โทรศัพท์ เครื่องประดับ ให้เงินเจ้านายไป 2.7 แสนบาท ไม่รวมกับเงินเดือนที่ถูกยึดไปในแต่ละเดือน บางครั้งต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้ รวมถึงซื้ออาหารกินเอง แม้ตนจะถูกทำร้ายก็ไม่เคยส่งไปรักษาพยาบาล เพียงแต่ให้กินยาให้หายเอง อย่างจมูกตนหักมาเดือนกว่าก็ยังไม่ได้รักษา หายใจได้จากจมูกข้างขวาข้างเดียว โดยตนยังถูกข่มขู่ว่าถ้าหนี จะตามมาหิ้วตัวไปจากบ้าน อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่ารู้จักกันกับเจ้านายมาก่อนก็ไม่ได้เอะใจที่มีการฝากให้เป็นทหารแต่เข้ามารับใช้ตำรวจ ทั้งนี้ ตนก็ไม่เคยเจอตัว ส.ว.รายนี้เลย ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมา ตอนนี้ต้องการขอให้ครอบครัวปลอดภัยก็พอ และไม่คิดจะกลับไปทำงานกับเขาแล้ว ขณะเดียวกัน ตนยังติดหนี้กับเจ้านายเป็นเงินกว่า 7 หมื่นบาท จากการที่ลาออกจากราชการ โดยอ้างว่าเป็นค่าที่ฝากตัวเองเข้าไปทำงาน ซึ่งพ่อแม่ไปเจรจาพร้อมคืนเงินให้แล้วแต่เขาไม่ยอม และยังจะเอาเงินอีก 4.5 แสนบาท

              ทางด้านนายกัน จอมพลัง กล่าวว่า ได้รับโทรศัพท์ปริศนาอ้างเป็นนักกฎหมายมาขู่ก่อนเข้ารายการว่าให้หยุดเสนอข่าว ตนยืนยันจะไม่หยุด หากมีใครจะออกตัวมาช่วย ต้องบอกเลยว่าประเทศไทยเลิกทาสมานานแล้ว หากผู้เสียหายไม่ได้รับความช่วยเหลือคงเสียชีวิตในบ้านไปแล้ว เพราะเขาโทรศัพท์ไปบอกลาพ่อแม่ ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยจึงแจ้งตำรวจแล้วขอกำลังไปพาตัวออกมาจากบ้าน ตนต้องขอขอบคุณพี่หนุ่ม กรรชัยและรายการโหนกระแสที่ช่วยเหลือน้องผู้เสียหาย ตนจะติดตามคดีนี้ให้ถึงที่สุด วอนสื่อให้ช่วยกันตามอย่าให้เรื่องเงียบ ขณะที่ทนายไพศาล ฝากบอกถึงผู้ใหญ่ที่โทรมาขมขู่ ว่าพวกตนไม่กลัว เราทำเพื่อความถูกต้องจะโทรมาข่มขู่กันทำไม แล้วอยากจะให้ทางกรมตำรวจ กองทัพไทย และวุฒิสภาออกมาชี้แจงตอบคำถามสังคมเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ต่อมาหลัง น.ส.เอ อดีตทหารหญิง ได้ให้สัมภาษณ์กับทางสื่อบริเวณหน้า สภ.เมืองราชบุรี ได้เดินทางปร่วมประชุมหารือภายในห้องประชุมชั้น 2 ของ สภ.เมืองราชบุรี เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือ โดยมีผู้ร่วมประชุมปรึกษาหารือแนวทางช่วยเหลือ น.ส.เอ อดีตทหารหญิง โดยมี พ.ต.อ.ธานินทร์ ฉัตรเจริญพร รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี รรท.ผกก.สภ.เมืองราชบุรี พร้อมด้วย นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง, ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์, ญาติผู้เสียหาย, ตัวแทนหน่วยงานพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์, สนง.ยุติธรรม, แรงงานจังหวัด และตัวแทนวุฒิสภา ในการหาแนวทางช่วยเหลือในเบื้องต้นพร้อมทั้งหาที่พักที่ปลอดภัยให้ชั่วคราว จากนั้นทางพ.ต.อ.ธานินทร์ ฉัตรเจริญพร รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี รรท.ผกก.สภ.เมืองราชบุรี ได้เชิญ น.ส.เอ อดีดทหารหญิง พร้อมญาติเข้าห้องสอบสวน เพื่อแจ้งความดำเนินคดี และสอบปากคำผู้เสียหายและญาติของผู้เสียหายด้วยตนเอง ขณะที่ น้ากบ ซึ่งเป็นญาติของ น.ส.เอ อดีตทหารหญิง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา เธอได้รับโทรศัพท์จากหลานสาวว่า เธออยากกินแกงป่า ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจที่หลานสาวพูดกับเธอแบบนั้นวันที่ 12 ส.ค. จึงได้ชวนแม่ของ น.ส.เอ ไปเยี่ยม น.ส.เอ ที่บ้านนายจ้าง แต่ถูก ส.ต.อ.หญิง นายจ้างกีดกัน แต่ในที่สุดก็ได้พบจนเห็นสภาพร่างกายและใบหน้ามีรอยเขียวช้ำ จึงสอบถามนายจ้างแต่ไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัด เธอและแม่ของน.ส.เอ จึงขอนำตัวน.ส.เอ กลับบ้าน แต่ถูกนายจ้างปฏิเสธ พร้อมบอกว่า ถ้าจะนำตัวน.ส.เอ กลับไปต้องนำเงินที่ยืมน.ส.เอ ยืมไปมาคืนพร้อมดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงิน 91,000 บาท เธอจึงนำเรื่องไปปรึกษากับทาง นายจำนงค์ จันทวงศ์ ปลัดอำเภอเมืองราชบุรี ฝ่ายความมั่นคง จนได้ประสาน พ.ต.อ.ธานินทร์ ฉัตรเจริญพร รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี รรท.ผกก.สภ.เมืองราชบุรี เพื่อวางแผนช่วยเหลือ

ต่อมาเธอได้โทรไปหาเจ้านายของ น.ส.เอ เพื่อติดต่อจะนำเงินไปคืน โดยนัดหมายคืนเงินกันที่บ้านนายจ้าง แต่พอเช้าวันที่ 13 ส.ค. เธอกับแม่และพ่อของ น.ส.เอ ได้นำเงินไปมอบให้นายจ้าง แต่ถูกบอกให้ไปรอที่ห้างบิ๊กซี แต่นายจ้างก็ผิดนัด ทำให้เธอกับแม่และพ่อ เดินทางไปที่บ้านของนายจ้าง เพื่อนำเงินไปมอบให้และขอน.ส.เอ แต่ถูกนายจ้างปฏิเสธพร้อมข่มขู่ ซึ่งเธอรู้อยู่แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น ประกอบผกก.สภ.เมืองราชบุรี ได้วางแผนช่วยเหลือไว้แล้ว เมื่อเธอเห็นหลานสาว จึงรีบโทรแจ้งผกก.สภ.เมืองราชบุรี ให้เข้ามาช่วยเหลือน.ส.เอ ออกมาจากบ้านนายจ้างได้สำเร็จ แต่เธอกับแม่และพ่อพร้อมน.ส.เอ ก็ถูกนายจ้างข่มขู่ จึงทำให้เธอต้องรีบมาหลบที่บ้านญาติ และขอความช่วยเหลือไปที่ คุณหนุ่ม กรรชัย เพราะเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย ด้านพ.ต.อ.ธานินทร์ ฉัตรเจริญพร รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี รรท.ผกก.สภ.เมืองราชบุรี เปิดเผยว่า ตนได้รับการประสานจากน้าสาวของผู้เสียหาย จึงได้ร่วมกันวางแผนเข้าไปช่วยเหลือผู้เสียหายออกมาจากบ้านนายจ้าง โดยวันที่ 13 ส.ค.ช่วงเวลา 14.00 น. ตนได้ให้ทางญาติเข้าไปเจรจากับทางนายจ้าง ส่วนตนและกำลังได้รออยู่บริเวณใกล้บ้านหลังเกิดเหตุ ซึ่งหากทางนายจ้างไม่ยินยอมให้นำตัวผู้เสียหายออกมา ให้ทางญาติโทรบอกตนทันที ตนและกำลังจะเข้าไปช่วยเหลือนำตัวผู้เสียหายออกมาจากบ้านนายจ้างทันที จนสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายออกมาได้ ก่อนจะนำตัวมาผู้เสียหายและนายจ้างมาที่สภ.เมืองราชบุรี เพื่อสอบถามความจริง โดยทางนายจ้างได้ปัดทำร้ายร่างกายและกักขังผู้เสียหาย ทำให้ทางจนท.ตำรวจไม่สามารถดำเนินคดีได้ ประกอบผู้เสียหายและญาติมีความหวาดกลัวจึงไม่กล้าแจ้งความ ทางตำรวจสันติบาลได้แถลงการณ์ เกี่ยวกับกรณีทหารหญิง ถูกนายจ้างที่อ้างตัวเป็น ตร.หญิง สังกัดตำรวจสันติบาล และภรรยา สว. ทำร้ายร่างกาย ได้ส่งเรื่องร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมมาที่เพจโหนกระแส ก่อนที่ หนุ่ม กรรชัย จะส่งเรื่องต่อให้ กัน จอมพลัง จนกลายเป็นกระแสสังคม ล่าสุด กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ได้ออกข่าวแถลง ชี้แจงว่า ตามที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 รายการโหนกระแส ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565 ได้มีผู้เสียหายร้องทุกข์กับสื่อมวลชนว่า ตนถูกภรรยาของสมาชิกวุฒิสภาชื่อดัง ข่มขู่ ทำร้าย กักขังหน่วงเหนี่ยว พร้อมยืนยันขณะออกรายการว่า ผู้ทำร้ายตนนั้นเป็นข้าราชการตำรวจหญิงในสังกัด บช.ส. ซึ่งผู้เสียหายได้รับความช่วยเหลือจาก กัน จอมพลัง เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ และประสานให้เดินทางร้องทุกข์กับ พ.ต.อ.ธานินทร์ ฉัตรเจริญพงศ์ รอง ผบก.ฯ รรท.ผกก.สภ.เมืองราชบุรี ขอรายงานชี้แจงเบื้องต้นผลการตรวจสอบพบว่ากรณีดังกล่าวนั้นผู้ถูกกล่าวหาคือ ส.ต.ท.หญิง (ขอสงวนชื่อ-สกุล) ตำแหน่ง ผบ.หมู่ กก.4 บช.ส.1 ปัจจุบันช่วยราชการ กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี สำหรับข้าราชการตำรวจหากพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาตามความผิดก็ต้องรายงานตัวต้องหาคดีอาญา เพื่อทำการสอบสวนทางวินัยต่อไป ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจสันติบาลจะขอผลการดำเนินคดีอาญาจาก สภ.เมืองราชบุรีเพื่อดำเนินตามขั้นตอนทางวินัยต่อไป ขณะเดียวกันทาง พลโท ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารในโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยจากการตรวจสอบ ทราบว่าเป็นอดีตกำลังพลของกองบัญชาการกองทัพไทย (ขอสงวนชื่อ-สกุล) ซึ่งได้ขอลาออกจากราชการเนื่องจากต้องดูแลบิดามารดาที่ป่วย และได้รับการอนุมัติให้ลาออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2565 สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ อยู่ระหว่างการสืบสวนหาข้อเท็จจริง และจะชี้แจงให้ทราบต่อไป ทั้งนี้กองบัญชาการกองทัพไทยขอยืนยันว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างโปร่งใสเพื่อคลี่คลายข้อสงสัยให้แก่สังคมต่อไป ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นทางทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของ ส.ต.ท.หญิง นายจ้างที่บ้านในหมู่ 4 ต.โคกหม้อ อ.เมือง จ.ราชบุรี โดยพบบ้านปิดเงียบไม่มีใครอยู่ภายในบ้าน จากการสอบถามเพื่อบ้านทราบว่า ส.ต.ท.หญิง นายจ้างโหด ได้ขับรถยนต์ส่วนตัวออกไปตั้งแต่เมื่อช่วงเทียงวันนี้ โดยไม่ทราบว่าไปที่ใด ซึ่งบ้านเกิดเหตุจะอยู่ด้วยกัน 2 คน โดยทั้งคู่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ถ้าอยู่บ้านจะปิดประตูหน้าบ้านเสมอ และตัวอดีตทหารหญิงนานๆทีถึงจะเห็นเดินออกมาทิ้งขยะ ไม่ค่อยแวะพูดคุยกับใคร โดยทั้ง 2 คนจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ส่วนเรื่องที่ว่า ส.ต.ท.หญิง นายจ้าง เป็นเมียสว.นั้นไม่ทราบ เพราะไม่เคยเห็นใครไปมาหาสู่ที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีใครรู้มาก่อนเลยว่ามีการทำร้ายร่างกายทารุณกรรมรุนแรงขนาดนี้ จนมาเห็นข่าวถึงกับตกใจเหมือนกัน เบื้องต้นหลังสอบสวนผู้เสียหายและญาติทั้ง 4 ปาก ได้ตั้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายสาหัส กับ ส.ต.ท.หญิง นายจ้างโหด ส่วนข้อกล่าวหาอื่นๆ เช่น กักขังหน่วงเหนี่ยว และข้อหาอื่น ต้องรอสอบสวนผู้เสียหายและญาติทั้ง 4 ปากอย่างละเอียดให้เสร็จเสียก่อน จึงจะสามารถระบุได้ว่า เข้าข่ายข้อกล่าวหาอื่นเพิ่มเติมได้หรือไม่

 

 

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!