
สุพรรณบุรี-ย้ายเสือโคร่งได้รับบาดเจ็บจากบ่วงดักสัตว์รักษาต่อที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
ภาพ/ข่าว:มงคล สว่างศรี / นันทชัย ศิริอรุณรัตน์
จากการณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติพุเตย อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี นายสัตวแพทย์ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นางสาวสาวิตรี เชื้อพงษ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติพุเตย เจ้าหน้าที่จากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าเขาประทับช้างและบึงฉวาก ร่วมกันช่วยเหลือเสือโคร่ง ได้รับบาดเจ็บจากบ่วงดักสัตว์ (นอกเขตอุทยานแห่งชาติพุเตย) เจ้าหน้าที่ยิงยาสลบ พบว่าเป็นเสือเพศเมีย อายุไม่เกิน 7 ปี ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณข้อเท้าหน้าขวา และพบว่ามีลวดสลิงติดอยู่ จึงได้ดำเนินการตัดออกและทำความสะอาดแผล รวมทั้งสัตว์แพทย์ได้ให้ยาฆ่าเชื้อ สารเหลวและวิตามิน ตามขั้นตอนของสัตวแพทย์ และได้เคลื่อนย้ายมาเฝ้าดูอาการและให้ยาแก้อาการสลบต่อที่ทำการอุทยานแห่งชาติพุเตย กระทั่งเสือฟื้นตัวดี จึงได้ทำการเคลื่อนย้ายเสือไปรักษาต่อที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าบึงฉวาก อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีนายสัตว์แพทย์ทั้ง 2 นาย เฝ้าดูอาการระหว่างการเดินทางอย่างใกล้ชิด ล่าสุด ทีมสัตวแพทย์พร้อมเจ้าหน้าที่ เคลื่อนย้าย ‘เสือโคร่ง’ เหยื่อแร้วพรานเถื่อน กาญจนบุรี ไปรักษาต่อที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 คณะเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติพุเตย อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี นำโดยนางสาวสาวิตรี เชื้อพงษ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติพุเตย พร้อมด้วยทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายเสือโคร่งที่ได้รับบาดเจ็บจากแร้วดักสัตว์ นอกเขตอุทยานแห่งชาติพุเตย จากศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ไปยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี ระยะทาง 140 กิโลเมตร โดยถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยในเวลาประมาณ 22.00 น.
สำหรับการเคลื่อนย้ายเสือครั้งนี้มีจุดประสงค์ เพื่อให้เสือโคร่งได้รับการดูแลในสภาพแวดล้อมกึ่งธรรมชาติที่เหมาะสม และอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ผู้มีประสบการณ์เฉพาะทางด้านการดูแลเสือโคร่งป่า โดยการดำเนินการเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการดำเนินการแก่สัตว์ป่าฯ พ.ศ. 2565 ทีมสัตวแพทย์นำโดย สพ.ญ.ลักษณา ประสิทธิชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ และ สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ชำนาญการ ได้ทำการตรวจรักษาและดำเนินการสำคัญหลายประการ ประกอบด้วย ฝังไมโครชิพหมายเลข 900012000109105 ที่บริเวณไหล่ซ้าย เพื่อการติดตามและระบุตัวตน พร้อมเก็บตัวอย่างเลือดและสิ่งคัดหลั่ง เพื่อตรวจโรคติดต่อที่สำคัญในสัตว์ตระกูลเสือ ตรวจวิเคราะห์ค่าเลือดทั่วไปและค่าเคมีในเลือด และเก็บตัวอย่างเพื่อเป็นฐานข้อมูลด้านพันธุกรรม ทั้งนี้ตัวอย่างที่เก็บได้จะถูกส่งไปวิเคราะห์ที่ห้องปฏิบัติการคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และศูนย์นิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อการศึกษาและวิเคราะห์อย่างละเอียดต่อไป สำหรับช่วงตลอดการเดินทาง ทีมสัตวแพทย์ได้ติดตามและประเมินอาการของเสือโคร่งอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของสัตว์ป่าคุ้มครองที่หายากชนิดนี้ โดยเจ้าหน้าที่จะติดตามความคืบหน้าและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่องต่อไป