ราชบุรี-ผู้ว่าฯแจงไม่พบผู้ติดเชื้อCOVID-19หลังมือดีโพสต์โซเชียล
ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย
จากกรณีมีผู้ใช้เฟสบุ๊กในจังหวัดราชบุรีจำนวนมาก แชร์ข้อความที่มีใจความว่า “แจ้งเตือน เมื่อเวลาประมาณ 20:30 น. พบคนไข้ต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัสโคโรนา เป็นหญิง วัย 21 ปี นักเรียนแลกเปลี่ยนสัญชาติอเมริกัน ไปเที่ยวได้รับเชื้อมาจากญี่ปุ่น ขณะนี้ถูกกักตัวที่ โรงพยาบาลราชบุรี หากไม่มีความจำเป็น อย่าไปโรงพยาบาลราชบุรี (คนไข้อยู่ตึกประชาอุทิศ) พยาบาลเวรบ่ายและเจ้าหน้าที่ที่รับคนไข้ โดนกักตัว จนกว่าคนไข้จะหาย ยังต้องถูกกักตัว อีก 14 วัน ไวรัสแพร่เชื้อทางอากาศ จึงควรใส่หน้ากากอนามัย สำหรับสถานที่ที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลราชบุรี จึงแจ้งเตือนให้ทุกท่านทราบ” จนสร้างความตื่นตระหนกให้กับชาว จ.ราชบุรี ถึงขนาดบางคนไม่กล้าเดินทางไปที่โรงพยาบาลราชบุรี
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 ก.พ.63 นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้ออกมาชี้แจงว่า “ตามที่มีผู้เผยแพร่ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวต่างประเทศที่มาปฏิบัติงานเป็นอาสาสมัครใน จ.ราชบุรี และตรวจพบเป็นไข้หวัด ต่อมาเข้ารักษาที่ รพ. ราชบุรี และพบว่าติดเชื้อไวรัส COVID-19 พร้อมทั้งยังกระพือข่าวไปอีกว่า ประชาชนไม่ควรมาติดต่อที่ รพ.ราชบุรี รวมทั้งบุคลากรของ รพ. ราชบุรี ที่ใกล้ชิดกับคนไข้รายนี้ ต้องถูกกักตัวไว้ดูอาการ นั้น ผมขอเรียนว่า ได้รับรายงานจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และ ผอ.รพ.ราชบุรี สรุปความว่า มีคนป่วยชาวต่างประเทศเป็นไข้หวัดจริง แต่เข้ารับการตรวจรักษาที่ รพ. แห่งอื่นเมื่อ 20 ก.พ.63, คนป่วยเดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงการแพร่ระบาดจริง ซึ่งทาง รพ. ที่รับคนป่วยรายนี้ได้รักษา ได้เก็บตัวอย่าง เพื่อส่งตรวจเชื้อเมื่อ 20 ก.พ.63, ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันว่า ไม่พบเชื้อโคโลน่าไวรัส หรือ COVID-19 ในตัวอย่างที่เก็บจากผู้ป่วยรายดังกล่าวแต่อย่างใด, คนไข้หรือประชาชนที่มีความจำเป็นต้องมาติดต่อ รพ.ราชบุรี สามารถเดินทางมาได้ตามปกติ ขณะที่โพสต์นี้ผมมีนัดตรวจทันตกรรมกับทันตแพทย์ตามนัดหมาย ก็ยังเดินทางมา รพ.ราชบุรี ตามปกติ ผู้คนก็มาติดต่อตามปกติ”
“ขอเรียนว่า จังหวัดราชบุรีได้ประชุมผู้เกี่ยวข้อง เตรียมการรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก มีการซักซ้อมขั้นตอนการปฏิบัติเป็นอย่างดี เชื่อมั่นว่าสามารถให้การดูแลคนป่วยได้อย่างมั่นใจ ขอความกรุณาอย่าตื่นตระหนกกับข่าวลือที่ปราศจากมูลความจริง ข่าวสารใดไม่แน่ใจที่มาว่าจริงหรือเท็จ งดการแพร่หรือแชร์ต่อนะครับ เพราะอาจมีความผิดอาญา!!!”
นอกจากนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี จะได้สืบหาตัวผู้โพสต์ข้อความดังกล่าว มาลงโทษตามกฎหมาย พรบ.คอมพิวเตอร์ ว่าด้วยการนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคง ในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี มองว่าเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องความมั่นคงระดับประเทศ ไม่สมควรนำข้อความอำเป็นเท็จมาโพสต์ ให้เกิดความเสียหาย ทำให้ประชาชนอยู่ในความตื่นตระหนก
ด้านเพจโรงพยาบาลราชบุรี ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวว่า “เนื่องจากมีการส่งข้อความไปทางสื่อหลายช่องทางว่า ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 รพ.ราชบุรี มีผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อโคโรนาไวรัส เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และมีความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อ ทางโรงพยาบาลราชบุรี ขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้ ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 มีผู้ป่วยหญิงต่างชาติ มาตรวจที่ รพ.ราชบุรี ด้วยอาการไข้ 1 วัน จากการคัดกรองประวัติพบว่า ผู้ป่วยเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงในช่วง 10 วันก่อน ตามมาตรการเฝ้าระวังการติดเชื้อโคโรนาไวรัสอย่างเคร่งครัด เมื่อมีผู้ป่วยที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ และมีประวัติเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง ทาง รพ.ราชบุรีจะมีการแยกตรวจไม่ให้ปะปนกับผู้ป่วยอื่น และถ้าจะดำเนินการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จะส่งต่อผู้ป่วยโดยการใช้อุปกรณ์ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ไปยังหอผู้ป่วยประชาอุทิศบน เพื่อดำเนินการในห้องความดันลบ จะได้ไม่เกิดการแพร่กระจายเชื้อและปลอดภัย และได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากอายุรแพทย์เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อ เป็นไปตามมาตรการที่ รพ.ราชบุรี เตรียมความพร้อมตลอดมา ซึ่งในผู้ป่วยรายนี้ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ” ไม่พบการติดเชื้อโคโรนาไวรัส ” ขณะนี้อาการทั่วไปปกติดี จะได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติตัว และวางแผนจำหน่ายโดยเร็วนี้”
“อย่างไรก็ดี เมื่อใดที่มีผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสรายใหม่ จะมีการแถลงข่าวโดยกระทรวงสาธารณสุขทุกครั้ง ดังนั้นขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลที่ถูกต้องจากทางกระทรวงเท่านั้น และขอความร่วมมืออย่าส่งข้อความที่อาจสร้างความตื่นตระหนกให้สังคม ข้อแนะนำสำหรับประชาชน ถ้าท่านมีอาการคล้ายไข้หวัด และมีประวัติเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด ตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขประกาศ ขอให้รีบไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลใกล้บ้านโดยด่วน เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง”