สมุทรปราการ-“กัน จอมพลัง” ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ขณะที่ผู้ก่อเหตุชี้แจงปมไม่ไหว้ ปัดก่อเหตุรุนแรงยอมรับเคยทำร้ายแฟน

สมุทรปราการ-“กัน จอมพลัง” ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ขณะที่ผู้ก่อเหตุชี้แจงปมไม่ไหว้ ปัดก่อเหตุรุนแรงยอมรับเคยทำร้ายแฟน

าพ-ข่าว:สุรศักดิ์ / อัญมณี คงสินธ์

             เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 4 มิถุนายน 2568 “กัน จอมพลัง” พร้อมด้วยผู้เสียหาย นางพาธิดารัตน์ กิตติกูล อายุ 47 ปี แม่ นาย ธนากร กิตติกูล อายุ 18 ปี ผู้เสียหาย เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณศาลาริมคลองตาพุก ภายในชุมชน หน้าบ้านเลขที่ 12/10 หมู่ 9 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยศาลาดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้ร้านค้า มีทางเดินปูนเชื่อมต่อบ้านเรือนในละแวกนั้น ขณะที่บริเวณด้านล่างของศาลาเป็นพื้นที่ดินเลน มีน้ำขังและมีผักตบชวาขึ้นปกคลุมหนาแน่น ภายในศาลาดังกล่าวพบ นายเกษมพงษ์ อินทรีย์ ผู้ก่อเหตุ นั่งรออยู่กับพี่ชาย และแฟนสาว
              นายเกษมพงษ์ อินทรีย์ ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า เขาไม่ไหว้ตน 2 ครั้งแล้ว วันนั้นตนนั่งดื่มกับเพื่อนอีก 2 คน เขาไหว้เพื่อนตน 2 คนแต่ไม่ไหว้ตน เลยเกิดอารมณ์โมโห ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน ช่วงนั้นเป็นเดือนเมษาน้ำแห้งมีแต่ขี้เลน วันนั้นตนเห็นว่าหลานใส่หมวกกันน็อคเลยจับโขก ตนยังมีสติ ตนไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไรหลานถึงไม่ไหว้ ตนสาบานว่าไม่เคยพูดว่าหลานจะเรียนไม่จบ เพราะขนาดตัวเองยังเรียนไม่จบตนจะไปว่าหลานทำไม เขาเคยมีปัญหากับเพื่อนตนอีกคน ตนเลยมาคุยให้แต่หลานทำเหมือนไม่พอใจปิดประตูใส่ตน ทุกวันนี้หลานก็ไม่ได้ไหว้คนนั้น เขาเข้าใจว่าตนไปออกตัวให้คนนั้น ตนคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องนี้ เพราะตนไม่เคยด่าหลาน ตนไม่เคยไม่รับไหว้หลาน ตนดีใจที่หลานมาไหว้ บางครั้งเตะตะกร้อกันอยู่หลานมากับเพื่อนไปไหว้คนอื่นตนยังเฉยๆเลย หลังจากนี้ต่างคนต่างอยู่ ถ้าไม่นับถือก็ไม่ต้องนับถือกันแล้ว ถ้ารู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็จะไม่ทำ วันนั้นเค้าไปตามเพื่อนมา 3 คน ถือมีดมาเพื่อมาเล่นงานตน แต่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านช่วยกันจับไว้ทัน ตนเคยทำร้ายร่างกายแฟน 2 ครั้ง

              นาย สุชาติ(หรือจุก) สำโรงทอง อายุ 55 ปี เพื่อนคนก่อเหตุ บอกว่า วันนั้นเริ่มเมาแล้ว วันนั้นหลานมาแล้วไหว้ตนกับน้องอีกคนหนึ่ง แต่ไม่ได้ไหว้อา คิดว่าวันนั้นทำเกินไปนิดนึง ตามหลักควรจะคุยกันก่อน อาอาจจะเก็บสะสมมาวันนั้นเลยระเบิด แต่หลานก็ไม่ควรโดน หลังจากที่หลานโดนโยนลงน้ำตนพยายามเลือกคนมาช่วย จากในคลิปจะได้ยินเสียงตนตะโกนเรียกให้มาดูลูก เปิดเสียงในคลิปตนไม่แน่ใจเพราะตนเมาแล้วแต่จำได้ว่าต้นตะโกนเรียกคนอื่นให้มาช่วย ในนั้นเป็นผักตบชวาที่มันหนาแทบจะไม่มีน้ำ เพราะเป็นช่วงหน้าแล้งเดือนเมษายน คือมีน้ำน้อยแค่ผักตบชวาอยู่ได้ โอกาสที่จะกดหัวลงไปใต้ผักตบชวาตนคิดว่ามีน้อย เพราะใต้ผักตบชวาจะเป็นเลนในคลิปหัวจะต้องเรอะ ที่ตนตะโกนว่ากดน้ำ เป็นการแก้สถานการณ์ให้คนมาช่วย ตนขาไม่ค่อยดีเลยลงไปช่วยไม่ได้ แต่มีเพื่อนหลานมาช่วย ถ้ากดลงไปในน้ำจริงจะต้องมีเสียงสำลักเสียงไอ แล้วเด็กอายุ 19 จะต้องต่อสู้ แต่ตามเหตุการณ์เขาไม่ได้สู้ ตามหลักคนที่จะต้องเอาตัวรอดจะต้องสู้
            “กัน จอมพลัง” เตือนผู้ก่อเหตุ อย่าใช้ความรุนแรงอีก ชี้หากผลแพทย์ยืนยันอาจเข้าข่ายพยายามฆ่า // ทางคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลแพทย์ก่อนพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา สุดท้ายคุณกัน จอมพลัง ได้กล่าวเตือนผู้ก่อเหตุว่า ไม่ว่าอย่างไรการกระทำใดๆ ควรมีสติ และไม่ควรใช้ความรุนแรงกับใคร โดยเฉพาะกับคนในครอบครัว พร้อมย้ำว่า หากผลการตรวจจากแพทย์ออกมายืนยันว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง อาจเข้าข่ายในข้อหาพยายามฆ่า ซึ่งถือเป็นคดีอาญาร้ายแรง ทั้งนี้ ต่อให้ผู้ก่อเหตุจะอ้างว่าในวันเกิดเหตุไม่มีน้ำ หรือต้องการชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างไรก็ตาม ก็ต้องไปต่อสู้กันตามกระบวนการทางกฎหมาย พร้อมกล่าวเน้นว่า “อย่าทำร้ายใครแบบนี้อีก” ด้านผู้ก่อเหตุรับฟังและยืนยันว่าจะไม่กระทำพฤติกรรมรุนแรงเช่นนี้อีกต่อไป
              พี่ภารี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน (อุ้มเด็ก) บอกว่า หลังจากเกิดเหตุ มีคนโทรมาบอกว่ามีเรื่องตรงหน้าบ้านตนเลยชวนผู้ช่วยอีกคนรีบกลับมา พอกลับมาถึงก็ไม่มีอะไรแล้ว แต่จะเห็นตรงหน้าศาลามีแม่เขาอยู่ แต่ตนไม่ได้สนใจเดินไปตรงสะพานไม้ เพราะว่ากลัวจะเกิดเรื่องขึ้นอีก อยากให้เคลียร์กันได้จะได้จบๆ

            ย่าแอ๋ว หรือ นางทองชุก ศรีพูล อายุ 72 ปี ญาติของทั้งฝ่าย เล่าว่า ตนมาเห็นก็ใช้ไม้ตีทั้งคู่ และเลือกมาถามว่ามีเรื่องอะไรกัน พี่ชายคนโตถามว่าตนไม่รู้เรื่องเลยหรอ ตนมีคลิปแต่ไม่ให้ใครดูจะรอเปิดที่ศาล เขาบอกว่าจะเอาระเบิดมาบึมให้หมดเลย พวกตอแหล ตนเลยไล่ให้ไปด้วยความโมโห ตนเลยบอกจะเอามีดมาฟัน เขาก็มาว่าตนเป็นพวกตอแหล ตนเสียใจ เขาไม่นับถือตนเพราะคิดว่าตนเข้าข้างอีกฝั่ง ตนไม่ได้เข้าข้างใคร ตนยังไปร้องไห้กับลูกชาย ตนน้อยใจ
             นายอนุชิต ศรีสาเอี่ยม ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.ราชาเทวะ บอกว่า ต้นประสานให้มาไกล่เกลี่ยกัน แต่เขาไม่ยอมกันต่างคนต่างมีเหตุผลกันทั้งคู่ เลยเข้าไปแจ้งความที่ตำรวจ แต่ยังไม่จบก็เลยมาถึงสื่อ หลังจากนี้อาจจะให้ทั้งคู่มาพูดคุยจับมือกัน คุยกันดีๆ ไม่งั้นจะใช้ชีวิตลำบาก เขาอยู่ตรงนี้กันมานานแล้วเขาเป็นญาติพี่น้องกัน ก่อนหน้านี้ก็มีคุยแขวะกันบ้างไปยังไม่เคยมีปัญหาหนักขนาดนี้

              ด้านความคืบหน้าทางคดี ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจร่างกายของผู้เสียหายจากทางแพทย์อย่างเป็นทางการ เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของบาดแผลหรือการถูกทำร้าย โดยหลังจากได้รับผลแพทย์แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ก่อเหตุตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!