ประจวบคีรีขันธ์-ป้าผ่อน วัย 73 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านข้องใจ! ตักทรายขายอ้างช่วยชุมชน เงินเข้ากองกลางจริงหรือ..!!

ประจวบคีรีขันธ์-ป้าผ่อน วัย 73 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านข้องใจ! ตักทรายขายอ้างช่วยชุมชน เงินเข้ากองกลางจริงหรือ..!!

ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ

              วันที่ 23 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ปรากฎเป็นข่าวการขุดลอกและขนย้ายทรายจากคลองหนองข้าวเหนียว ตำบลสามร้อยยอด อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ล่าสุด เจ้าหน้าที่จากกรมเจ้าท่าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สอบสวนกลาง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที หลังได้รับข้อมูลว่ามีการนำทรายทะเลออกไปขาย โดยอ้างว่าเป็นการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือชุมชน และรายได้จากการขายทรายจะถูกนำเข้ากองกลางของหมู่บ้าน

              เจ้าหน้าที่ได้เข้าสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบความชัดเจนของข้อกล่าวหาและรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายจริง ก็จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันการใช้ทรัพยากรสาธารณะไปหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หนึ่งในเสียงสะท้อนที่น่าสนใจ คือคำให้สัมภาษณ์ของ คุณป้าผ่อน หมวดแดง อายุ 73 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ซึ่งออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาและตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการบริหารจัดการทรัพยากรของชุมชนในปัจจุบัน
            โดยป้าผ่อน เล่าว่า เมื่อก่อนตอนที่ยังดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ชุมชนมีการทำประชาคมอย่างชัดเจน เรามีการลงมติร่วมกันในการใช้งบประมาณเพื่อขุดลอกคลอง โดยเฉพาะบริเวณปากคลองหนองข้าวเหนียว เพื่อเปิดทางน้ำให้เรือประมงพื้นบ้านสามารถเดินเรือได้สะดวก ทรายที่ตักขึ้นมาก็มีการตกลงในที่ประชุมหมู่บ้านว่า หากมีใครต้องการนำไปใช้ ก็สามารถขอซื้อได้โดยเงินจะเข้าสู่กองกลางของหมู่บ้าน ซึ่งในยุคนั้นกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมยังไม่เข้มงวดเท่าปัจจุบัน และกรมเจ้าท่าก็ยังยืดหยุ่นให้กับชาวบ้านในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติแบบพึ่งพาตนเอง

              อย่างไรก็ตาม ป้าผ่อนตั้งข้อสังเกตว่า ในปัจจุบันกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนกลับดูจะเลือนหายไป และชาวบ้านหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ยังมีการจัดประชาคมหรือไม่ รวมถึงไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับรายได้จากการขุดและขายทรายว่ามีจำนวนเท่าไร และรายได้เหล่านั้นเข้าสู่ชุมชนจริงหรือไม่ แต่เห็นด้วยว่าการขุดลอกเพื่อให้เรือประมงเข้าออกได้สะดวกนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย และต้องโปร่งใส ถ้ามีการขุดแล้วขายโดยไม่ผ่านขั้นตอน หรือไม่ได้ทำหนังสือขออนุญาตอย่างเป็นทางการ ก็อาจไม่ใช่เรื่องของส่วนรวม แต่อาจเป็นธุรกิจของคนบางกลุ่มที่ใช้ช่องว่างของระบบหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ป้าผ่อน กล่าว

              ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และเตรียมเรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง ทั้งในแง่ของการบุกรุกทรัพยากรสาธารณะ หรือการละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อม ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น เรื่องนี้ยังคงเป็นที่จับตาของชาวบ้านและสังคมในวงกว้าง ว่าสุดท้ายแล้ว “ทราย” ที่ถูกตักไปนั้น จะเป็นผลประโยชน์ของชุมชนตามที่กล่าวอ้าง หรือเป็นเพียงการสร้างภาพบังหน้าเพื่อหาผลกำไรให้กลุ่มบุคคลใด กลุ่มหนึ่งหรือไม่

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!