พังงา-“คุณอลิต้า เดชา”ร่วม“รณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน”สวมหมวกกันน็อค ล็อคชีวิต”
ภาพ-ข่าว:กิตติศักดิ์ เพไร
บ.ก.อริย์ธัช พรอัศวโยธิน
ในประเทศไทยกำลังประสบปัญหาการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ และการเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสส่วนใหญ่มาจากการที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ซึ่งหมวกนิรภัยมีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บที่ ศีรษะและลดอาการรุนแรงของอาการบาดเจ็บลงได้ การส่งเสริมให้ผู้ขับขี่ สวมหมวกนิรภัยมากขึ้น จึงเป็นวิธีการสำคัญในการเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน
ทุกๆปีมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นจำนวนมาก เพราะต้องใช้ถนนร่วม กับรถยนต์ รถโดยสาร และรถบรรทุกที่แล่นด้วยความเร็วสูงอยู่เป็นประจำ การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ทั้งหมด มาจากผู้ใช้รถสองล้อ มากถึงร้อยละ 70-90 % ผลกระทบทางด้านสังคมสำหรับผู้รอดชีวิตจากอาการบาดเจ็บที่ ศีรษะต่อครอบครัวนั้นมีสูงมาก เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วคนเหล่านี้ต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นพิเศษและเป็นเวลานาน ทั้งยังต้องเสียเงิน ค่ารักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก
จากสถิติพบว่ามีผู้ใช้รถจักรยานยนต์ 75.6% ที่เสียชีวิตโดยไม่สวมใส่หมวกกันน็อค และมีเด็กไทยเพียง 7% เท่านั้น ที่พ่อ-แม่ ผู้ปกครอง ใส่หมวกกันน็อคให้ระหว่างการเดินทาง ซึ่งการใส่หมวกกันนน็อค จะช่วยลดความรุนแรงของการบาดเจ็บศีรษะและสมองได้ถึง 69% โดยส่วนใหญ่อุบัติเหตุมักจะเกิดการบาดเจ็บที่หน้าผาก ศีรษะด้านบน รองลงมาคือศีรษะด้านข้าง และด้านหลังท้ายทอย และ ยังลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตของคนขับและคนซ้อนท้ายได้ถึง 39% นอกจากนี้การที่เราไม่ใส่หมวกกันน็อค เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะเสียค่ารักษามากกว่าผู้สวมหมวกกันน็อคถึง 3 เท่า
ดิฉัน อลิต้า เดชา ในนาม ผู้ประกอบการธุรกิจ ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการ “รณงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน” แม้ว่าบางครั้งอุบัติเหตุจากการขับขี่จะไม่ได้ทำให้รับบาดเจ็บรุนแรงหรือเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ก็อาจนำมาซึ่งการสูญเสียทรัพย์สิน เวลา และส่งผลกระทบต่อจิตใจได้ ดังนั้น การเลือกที่จะสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งที่ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ร่วมกับการมีวินัยจราจรจึงเป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัย จึงขอฝากผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทุกคนว่าควร “สวมหมวกกันน็อคเพื่อล็อคชีวิต เพราะบนท้องถนนไม่มีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับใครที่ไม่ใส่หมวก”