ประจวบคีรีขันธ์-ผู้ว่า-นายอำเภอ ย้ายสาร”บีที”ปราบศัตรูมะพร้าวของกลางออกจากหอประชุมใจกลางเมือง

ประจวบคีรีขันธ์-ผู้ว่า-นายอำเภอ ย้ายสาร”บีที”ปราบศัตรูมะพร้าวของกลางออกจากหอประชุมใจกลางเมือง

ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ

         วันที่ 28 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีการจัดซื้อสารบีที มูลค่า 32.8 ล้านบาท ที่ถูกเก็บไว้ที่หอประชุมอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ และสารบีทีมูลค่า 24.7 ล้านบาท ที่เก็บไว้ในอาคารใกล้เมรุร้าง วัดนาหูกวาง อำเภอทับสะแก นานกว่า 10 ปี จนมีสภาพหมดอายุการใช้งาน และอาจกลายเป็นขยะพิษมีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมนั้น
           โดยสืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ ฝ่ายปกครองมีการจัดซื้อมาเพื่อกำจัดแมลงศัตรูมะพร้าวเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2555 แต่ถูกทักท้วงว่าเป็นสินค้าที่ไม่มีการขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร ฝ่ายปกครองจึงไม่ลงนามซื้อขายสารบีทีดังกล่าว และถูกเก็บไว้เป็นของกลางทั้ง 2 แห่ง ต่อมาศาลประจวบคีรีขันธ์ มีคำพิพากษา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 ให้เจ้าของบริษัทผู้ขายสินค้านำสารพิษไปทิ้งภายหลังคณะกรรมการแก้ปัญหาระดับจังหวัดแจ้งให้ปลัดอำเภอเมืองไปแจ้งความดำเนินคดี แต่หลังจากนั้นอาจจะไม่ได้ติดตามคดีให้ถึงที่สุด ล่าสุดอำเภอได้ขอคัดคำพิพากษา จากนั้นได้ประสานไปยังอธิบดีกรมวิชาการเกษตรเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดว่าสารเคมีในบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดยังเป็นสารพิษอันตรายอยู่หรือไม่ ก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายไปทำลาย
           โดยคืบหน้าล่าสุด สารบีทีของกลางที่ถูกเก็บไว้ที่บริเวณหอประชุมอำเภอเมืองประจวบฯ(หลังเก่า) ท่านผู้ว่า สมคิด จันทมฤก และ นายประสูติ หอมบรรเทิง นายอำเภอเมืองประจวบฯ ได้ดำเนินการขนย้ายไปทำลายฝังกลบนอกชุมชนอำเภอเมืองประจวบแล้วหลังจากได้รับเงินจำนวนหนึ่งให้มาดำเนินการ ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองและมีบ้านพักอยู่โดยรอบที่ทำการอำเภอเมืองประจวบฯ ซึ่งเป็นจุดเก็บสารบีทีของกลางรู้สึกขอบคุณผู้ว่าและนายอำเภอที่ได้ดำเนินการขนย้ายออกไป ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านโล่งอกสบายใจคลายวิตกกังวลว่าจะได้รับผลกระทบจากสารเคมีดังกล่าว และยังคงเหลือสารบีทีมูลค่า 24.7 ล้านบาท ที่เก็บไว้ในอาคารใกล้เมรุร้าง วัดนาหูกวาง อำเภอทับสะแก ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการประสานงาน และรอเงินสำหรับดำเนินการ
              นายนพดล คูหาทอง ชาวบ้านที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ห่างจากหอประชุมอำเภอเมืองประมาณ 100 เมตร เปิดเผยว่า ตนรู้สึกดีใจ โล่งอกสบายใจ และรู้สึกขอบคุณท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ที่ดำเนินการขนย้ายสารบีทีออกไปจากหอประชุมอำเภอเมืองแล้วเอาไปกำจัด เนื่องจากพื้นที่โดยรอบมีทั้งบ้านเรือนประชาชน โรงเรียนเด็กเล็ก โรงเรียนพาณิชย์ และสถานที่สำคัญต่างๆและยังเป็นใจกลางชุมชนของตัวเมือง ที่ผ่านมารู้อยู่แล้วว่ามีสารเคมีมาเก็บไว้ แต่ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายหรือไม่ เพราะไม่มีความรู้ด้านวิชาการ แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดเหตุและยังไม่มีใครได้รับผลกระทบจากสารเคมีดังกล่าว แต่เมื่อได้ขนย้ายไปกำจัดได้สำเร็จแล้วก็รู้สึกโล่งอกสบายใจ ดีกว่าเก็บเอาไว้บริเวณที่แห่งนี้ หอประชุมยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นได้อีก จึงขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด และท่านนายอำเภอ เป็นอย่างมาก ที่ช่วยดำเนินการทำให้คลายความกังวลให้กับชาวบ้าน
             นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า จากกรณีสารบีที ที่รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบแนวทางไว้ให้นั้น ซึ่งในส่วนของอำเภอเมืองประจวบที่เก็บไว้บริเวณหอประชุม ได้มีการตั้งคณะกรรมการดำเนินการ และมีการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญกรมวิชาการเกษตรแล้วว่าไม่มีสภาพความเป็นสารเคมีหลงเหลืออยู่ ซึ่งได้รับเงินงบประมาณสนับสนุนมาจากกรมวิชาการเกษตร ให้ดำเนินการขนย้ายไปฝังกลบนอกเขตพื้นที่ห่างไกลชุมชนแล้ว ซึ่งได้รับการเห็นชอบและยินยอมจากชาวบ้านในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวแล้วเช่นกัน
              สำหรับในส่วนสารบีทีของกลาง ที่อำเภอทับสะแกนั้นมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน จึงต้องมีการนำข้อมูลไปปรึกษากับกระทรวงเกษตรเช่นเดียวกัน ว่าจะมีแนวทางอย่างไรในการดำเนินการ ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการสักนิดนึง ให้ทางอำเภอและทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปรึกษาหารือ ถึงแนวทางการดำเนินการกับหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงต่อไป

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!