อุบลราชธานี-“ปฏิบัติการดับควันเมืองอุบลฯ”ทลายแหล่งค้าบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ !! มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท !!

อุบลราชธานี-“ปฏิบัติการดับควันเมืองอุบลฯ”ทลายแหล่งค้าบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ !! มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท !!

ภาพ-ข่าว:ศูนย์ข่าวเฉพาะกิจจังหวัดอุบลราชธานี

             วันนี้ ( 17 พ.ค. 66 ) ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง โดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง พร้อมฝ่ายปกครองจังหวัดอุบลราชธานี สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดอุบลราชธานีที่ 1 เข้าตรวจค้นจับกุม แหล่งจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ในเมืองอุบลราชธานี และในพื้นที่อำเภอวารินชำราบ รวม 3 ร้าน
              ปฏิบัติการครั้งนี้ เริ่มต้นมาจาก พลเมืองดี จังหวัดอุบลราชธานี ได้มีหนังสือร้องเรียนมายังกระทรวงมหาดไทย ขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจจับ ร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า หลายแห่งในจังหวัดอุบลราชธานี หลายร้านตั้งอยู่ใกล้กับสถานศึกษา อีกทั้งยังลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่เด็กนักเรียนและเยาวชน ปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชนมั่วสุม โดดเรียน จนชาวบ้านผู้ปกครองต้องร้องเรียนเพื่อให้ดำเนินการจับกุม หลังได้รับการร้องเรียน กรมการปกครองส่งสายลับพนักงานฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบ ร้านค้าจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ อ.เมืองอุบลราชธานี และ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ตามที่ได้รับการร้องเรียนมา พบร้านค้าที่จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 3 ร้านคือ 1. ร้าน Zonic Vape Ubon สาขาบิ๊กซี 2. ร้าน Zonic shop สาขาสรรพสิทธิ 3. ร้าน Zonic Vape Warin สาขา วารินชำราบ
             จากการตรวจสอบ พบว่าทั้ง 3 ร้าน มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามจำหน่าย และยังจำหน่ายให้เด็กและเยาวชน โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น วัยเรียน โดยสังเกตจากลักษณะการแต่งกาย เป็นชุดนักเรียนวันประถม มัธยมต้น และชุดนักเรียนอาชีวะ ซึ่งในแต่ละร้านจะมีตู้ชั้นสินค้าแสดงสินค้าโดยมีป้ายบอกราคาแตกต่างกันแต่ละประเภท มีการจัดวางสินค้าเป็นจำนวนมาก มีสินค้าจัดวางเต็มทุกตู้ ลักษณะการขายนั้น ลูกค้าจะยืนเลือกสินค้าจากด้านหน้าตู้กระจกใส และแจ้งกับพนักงานว่าจะซื้อสินค้าชิ้นใดบ้าง โดยตัวสินค้าจะมีป้ายราคาติดอยู่อย่างชัดเจน จากนั้นพนักงานจะหยิบสินค้าภายในตู้ตามที่ลูกค้าสั่งซื้อ และคิดราคาสินค้าให้กับลูกค้าและชำระเงินกับพนักงาน โดยทางร้านรับชำระเงินทั้งแบบเงินสด และแบบโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารสายลับได้ทำทีเดินดูสินค้าในแต่ละตู้
              ภายหลังการเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่ได้จับกุม เจ้าของร้าน ผู้ดูแล และ พนักงาน จาก 3 ร้าน ได้ 7 คน พร้อมกับตรวจยึดของกลางโดยจำแนกได้ ดังนี้ บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง 1,746 ชิ้น , คอยล์บุหรี่ไฟฟ้า 550 ชิ้น , เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 214 ชิ้น , น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 2,899 ชิ้น รวม มูลค่าของกลางคิดเป็นค่าปรับตามกฏหมายศุลกากรไม่ต่ำกว่า 7 ล้านบาท
             จากนั้น ฝ่ายปกครองชุดจับกุมได้นำตัวผู้ถูกจับทั้งหมดมาทำบันทึกจับกุม ณ ที่ทำการปกครองจังหวัดอุบลราชธานี ดำเนินคดีในข้อ “ซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560” และ “ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าห้ามขายสินค้า” มีความผิดตาม มาตรา 56 ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

             นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จากการวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์บริการ และกรมควบคุมโรค พบว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีสารที่เป็นอันตรายรวมทั้งมีโลหะหนักที่เป็นสารก่อมะเร็ง ดังนั้น ทางราชการจึงมีการประกาศให้ บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามจำหน่ายและห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร
            ทั้งนี้ ร้านที่ถูกจับได้ในครั้งนี้ มีการตั้งร้านขายบุหรี่ไฟ้ฟ้าพร้อมทั้งน้ำยาอย่างโจ่งแจ้งอยู่กลางเมือง โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย มีหลายสาขาและมีการโฆษณาอย่างเผยแพร่เป็นสาธารณะ ที่สำคัญยังปล่อยให้เด็กและเยาวชนมั่วสุมเปิดเป็นสถานที่มอมเมา ทำให้เด็กเสียการเรียน โดดเรียน จนผู้ปกครองและชาวบ้านร้องขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุม ซึ่งทุกครั้งที่มีการจับกุม เราได้เน้นย้ำเสมอ ขอให้ประกอบธุรกิจให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย โดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้สังคมเกินควร หรือท้าทายกฎหมายอย่างชัดแจ้ง

             หากประชาชนมีเบาะแสการลักลอบจำหน่ายสินค้าหรือแหล่งอบายมุขสร้างความเดือดร้อนในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่ตำรวจ หรือฝ่ายปกครองในท้องที่ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบยังไม่มีการปฏิบัติ สามารถร้องเรียนได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!