ประจวบคีรีขันธ์-นึกว่า Fast 7 เยือนไทย! อ้างไฟเขียวทั้งคู่ เก๋งชนกับกระบะทะลุกำแพงโรงเรียนดังสนั่นกลางเมือง

ประจวบคีรีขันธ์-นึกว่า Fast 7 เยือนไทย! อ้างไฟเขียวทั้งคู่ เก๋งชนกับกระบะทะลุกำแพงโรงเรียนดังสนั่นกลางเมือง

ภาพ/ข่าว: เอกภพ วงษ์ประเสริฐ 

นึกว่า Fast 7 เยือนไทย! อ้างไฟเขียวทั้งคู่ เก๋งชนกับกระบะทะลุกำแพงโรงเรียนดังสนั่นกลางเมืองประจวบ

          เวลาประมาณ 09.45 น.วันที่ 13 มี.ค.66 ร.ต.อ.อาทิตย์ บุตรละคร รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองประจวบฯ ได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่า เกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนกันกับรถเก๋ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณแยกไฟแดงหน้าจวนรองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ติดกับหลังอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ถนนสละชีพ เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เข้าให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล
           จากการตรวจสอบพบเป็นรถยนต์กระบะ 4 ประตู สีบรอนซ์-เงิน ยี่ห้อ Isuzu d-max หมายเลขทะเบียน กจ 9681 ประจวบ สภาพชนกับเสาสัญญาณไฟจราจรจนล้มได้รับความเสียหาย ตัวรถปีนอยู่ขอบฟุตบาทข้างทางชนทะลุกำแพงโรงเรียนอนุบาลเมืองประจวบฯ และถังน้ำของโรงเรียนแตกได้รับความเสียหาย ตัวรถด้านหน้าและด้านท้ายพังยับเยิน ผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะมีเลือดไหล ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลประจวบ ทราบชื่อนายไมตรี ภักดี อายุ 67 ปี
           อีกฟากฝั่งของถนนพบเป็นรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ Ford Fiesta สีขาว หมายเลขทะเบียน ญค 7348 กทม.ชนทะลุกำแพงของบ้านพัก ผู้อำนวยการ สพป.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้หน้ารถ และท้ายรถด้านขวาได้รับความเสียหายเช่นกัน โชคดีที่คนขับและผู้โดยสารที่นั่งมาในรถไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ทราบชื่อผู้ขับขี่คือนางจิตติมา ทัพน้อย เป็นเจ้าหน้าที่อยู่ที่เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์
            ด้านนางจิตติมา ทัพน้อย ผู้ขับขี่รถเก๋งให้ข้อมูลสัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนเองได้ขับรถกลับจากทำธุระเสร็จ แล้ววิ่งมาตามถนนด้านหลังอำเภอเพื่อมุ่งหน้ากลับไปทำงานที่เทศบาลเมืองประจวบ เมื่อถึงแยกสัญญาณไฟจราจรตรงจุดเกิดเหตุสัญญาณไฟเป็นสีเขียว ตนจึงขับรถมุ่งหน้าไปสถานที่ทำงานระหว่างนั้นได้มีรถยนต์กระบะ วิ่งมาทางตรงตามถนนสละชีพ พุ่งเข้าชนท้ายรถของตนจนเสียหลักไปชนเข้ากับกำแพงของบ้านพักข้าราชการ จนรถและกำแพงได้รับความเสียหาย ซึ่งตนเองยืนยันว่าฝั่งของตนเป็นสัญญานไฟเขียวไม่ได้ขับผ่าไฟแดงแต่อย่างใด

            ส่วนทางด้านรถยนต์กระบะ นายวรรสัญช์ ภักดี อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าอกและข้อมือขวา ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนกับพ่อได้ขับรถมาทางตรงตามถนนสละชีพมุ่งหน้าไปทางศาลากลางจังหวัด เมื่อถึงแยกไฟแดงตรงจุดเกิดเหตุฝั่งของตนยืนยันว่าเป็นสัญญาณไฟเขียว จึงได้ขับมุ่งหน้าตรงไปจนทำให้เกิดการเฉี่ยวชนกับรถเก๋งขึ้นจนรถเสียหลักพุ่งไปชนเสาไฟจราจร และกำแพงโรงเรียนทำให้รถและกำแพงโรงเรียนได้รับความเสียหาย

           อย่างไรก็ดีคู่กรณีทั้งสองฝ่ายต่างอ้างว่าฝั่งของตนเป็นสัญญาณไฟเขียวทั้งคู่ จึงได้ขับรถมุ่งหน้าตรงไปจนเป็นเหตุทำให้เกิดการเฉี่ยวชนกันขึ้น และได้รับความเสียหายทั้งสองฝ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้หาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดรอบข้างและพยานแวดล้อมเพิ่มเติม เพื่อสอบสวนหาสาเหตุอย่างละเอียดว่าใครผิดใครถูก เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!