นนทบุรี-2 ผัวเมียหลั่งน้ำตา..ปรึกษาทนายรณรงค์ถูกน้องชาย หลอกกู้แบงค์เอาเงินไป 1.12 ล้านบาท..!!

นนทบุรี-2 ผัวเมียหลั่งน้ำตา..ปรึกษาทนายรณรงค์ถูกน้องชาย หลอกกู้แบงค์เอาเงินไป 1.12 ล้านบาท..!!

ภาพ-ข่าว:สุรสิทธิ์ สินประเสริฐ

                เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 1 มีนาคม 66 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะต.คลองเกลือ อำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรีนายวันชัย ฤกษมุณี อายุ 45 ปี พร้อมด้วยภรรยานางสาวอนิลทิตา ยังสนอง อายุ 30 ปี พนักงานบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งเข้าปรึกษาร้องเรียนขอความเป็นธรรม กับ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอให้ช่วยเหลือในด้านคดีหลังถูกน้องชายต่างมารดาทำเอกสารนำไปกู้แบงค์ธนาคารกสิกรไทยจำนวน 100,000 บาทแต่กลับแอบกู้เพิ่มเป็น 1 ล้าน 2 แสนบาท แล้วให้ตนมาเพียง 80,000 บาท ทำให้ตนเองถูกแบงค์กสิกรฟ้องร้องกล่าวหาว่าใช้เอกสารปลอม จนกระทั่งตำรวจกองปราบ มีหมายศาลให้ตนรับทราบข้อกล่าวหา ขณะที่กรมบังคับคดีก็ทำเรื่องเตรียมขายทอดตลาด ตนเอง ทำให้ตนเองและภรรยาพร้อมลูกๆอีก 3 คนรวมทั้งน้าชายและน้าสาว 7 ชีวิตต้องถูกออกจากบ้านยังไม่ทราบว่าจะไปอยู่ที่ไหนกันเลย
                 นายวันชัย กล่าวว่าตน ต้องการกู้เงินธนาคาร 100,000 บาทเพื่อนำเงินมาดาวน์รถปิคอัพวิ่งส่งของแต่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการทำเรื่องขอกู้เงินจนกระทั่ง ถูกนายวรธน หรือต้น สิงหนาท น้องชายต่างมารดา เข้ามาเจรจาพูดคุยยืนยันว่าสามารถทำเรื่องขอกู้เงินจากธนาคารให้ตนเองได้ 100,000 บาทแต่ขอค่าดำเนินการ 20,000 บาท จงเป็นตนเองจึงตกลงให้นายต้นน้องชายไปทำเรื่องดำเนินการให้ที่ธนาคารกสิกรไทยเมื่อปี 64 ที่ผ่านม จนกระทั่งต่อมาตนเองได้รับการติดต่อจากทางธนาคารกสิกรไทย สาขาหทัยราษฎร์เขตมีนบุรีกรุงเทพฯ ให้ไปเซ็นชื่อรับเงิน จำนวน 100,000 บาทเมื่อถึงที่ธนาคารมีเจ้าหน้าที่หญิงบอกให้ตนออกมารอข้างนอกเดี๋ยวจะนำเอกสารไปให้เซ็นรับทราบไป ก่อนรับเงินจำนวน 80,000 บาทจากเจ้าหน้าที่ดังกล่าว และบอกว่าอีก 20,000 บาท หักไว้ให้กับนายต้นน้องชายของตนตามที่ตนตกลงกับนายต้นไว้
                 แต่แล้วจู่ๆเมื่อวันที่ 29 กันยายน 64 ตนก็ได้รับหมายศาลจากทางธนาคารที่ส่งมากล่าวหาว่าตนใช้เอกสารหลักฐานปลอม เป็น Statement ยื่นไปกับธนาคารทำให้ธนาคารได้รับความเสียหายจำนวน 1,200,000 บาทและต้องถูกดำเนินคดีหากไม่มีการชดใช้เงินจำนวนดังกล่าว ตัวเองก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรบ้านก็กำลังจะถูกขายทอดตลาดภรรยากับลูกรวมทั้งน้าชายน้าสาวและตนเองก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนขณะที่ในต้นน้องชายของตน บล็อกเฟซบล็อกโทรศัพท์มือถือตนเองกับภรรยาไม่สามารถติดต่อได้ ตนทราบจากคนใกล้ชิดว่านายต้น น้องชายมีฐานะความเป็นอยู่ หรูหราขี่รถยนต์ราคาแพงซื้อบ้านตึกแถวอีกหลายคูหาในจังหวัดนครปฐมคาดว่าน้องชายคนนี้แอบไปหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นๆอีกแน่ จึงอยากแจ้งเตือนไม่อยากให้มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อเหมือนตนเอง

               ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า กรณีนี้เป็นกรณีที่สลับซับซ้อนมาก น้องชายเอาเอกสารปลอมมาหลอกให้พี่ชายเซ็นก่อนนำเอกสารไปทำเรื่องยื่นกู้เงินกับแบงค์ แต่มันแปลกตรงที่แบงค์ไม่มีการตรวจสอบว่าพี่ชายไม่มีสเตทเม้นต์แต่แบงค์กลับปล่อยให้กู้ได้ หลังจากนั้นจึงมาฟ้องดำเนินคดีกับเขาทางแพ่ง ก่อนมาดำเนินคดีอาญา ต้องยอมรับว่าผู้เสียหายได้เงินมาจริงแต่ได้น้อยมาก แค่ 80,000บาท จากยอดเงินกู้ 1.2 ล้านบาท หลังจากนี้จะให้ผู้เสียหายเข้าไปแจ้งความดำเนินคดีกับน้องชายตัวเอง ในข้อหาลักลอบเข้าไปนำใช้ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ส่วนคดีฉ้อโกงไม่สามารถเอาผิดได้เพราะหมดอายุความไปแล้ว อยากฝากเตือนประชาชนที่ใครคิดจะกู้เงินกับธนาคารถ้ารู้ตัวว่าเราไม่มีเอกสารอย่างเสตทเม้นท์แล้วไปนำของคนอื่นมาใช้แล้วมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นคือความผิดฐานใช้เอกสารปลอม ส่วนใครปลอมมาไม่รู้ แต่คนที่นำไปยื่นต้องรับโทษเท่ากับคนปลอม มีโทษจำคุก 5 ปี อีกอย่างที่ต้องระวังหลักฐานข้อมูลการทำธุรกรรมการเงินทางออนไลน์อย่าได้นำไปให้คนอื่นดูหรือรู้เด็ดขาด เพราะว่าเขาสามารถนำไปขอขยายวงเงินกู้กับธนาคารได้เหมือนกรณีนี้กู้แค่ 80,000 บาทกลายเป็นยอดเงินกู้1.2ล้านบาทนี้ขนาดพี่น้องกันแท้ๆยังทำกันได้เลย

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!