ราชบุรี-เครือข่ายทุนจีน แบ่งที่ดินป่าสงวนให้เช่า วีระ” โร่แจ้งความเอาผิด

ราชบุรี-เครือข่ายทุนจีน แบ่งที่ดินป่าสงวนให้เช่า วีระ” โร่แจ้งความเอาผิด

ภาพ-ข่าว:สุจินต์ นฤภัย(เต้)

                 เมื่อเวลาตั้งแต่ 09.30 น. วันที่ 27 ม.ค.66 ที่ สภ.จอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนค้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ปัญญา ชัยวิชิต พนักงานสอบสวน สภ.จอมบึง เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดและให้ดำเนินคดีอาญา กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง กรณีที่มีบุคคลโพสต์ขายที่ดินที่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี บริเวณหมู่ที่ 8 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวนกว่า 10,000 ไร่ ลงในสื่อโซเชี่ยล
               ต่อมาเมื่อเวลา 11.30 น. หลังเข้าแจ้งความแล้ว นายวีระ สมความคิด พร้อม ร.ต.อ.ปัญญา ชัยวิชิต พนักงานสอบสวน สภ.จอมบึง, นายวัชระ ละอออ่อน หน.หน่วยป้องกันป่าไม้ที่ 1 ราชบุรี, นายกิตติ์ธเนศ วงศ์พัฒน์ นิติกรชำนาญการพิเศษ.สปก., และจนท.ปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินดังกล่าว โดยมีผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.รางบัว อ.จอมบึง เป็นผู้นำพาเข้าตรวจสอบ หลังใช้เวลาตรวจสอบนานกว่า 4 ชม. พบว่าพื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่ที่หมู่ 8 ต.รางบัว อ.จอมบึง ซึ่งเป็นพื้นที่ของป่าไม้ มีพื้นที่กว่า 11,564 ไร่ โดยที่ดินแปลงดังกล่าว บริษัทในเครือสหวิริยา (บ.วิริยะเกษตรอุตสาหกรรม จำกัด) ได้เคยขอเช่าพื้นที่จากกรมป่าไม้เพื่อปลูกสวนป่า แต่หมดสัญญาเช่าไปเมื่อปี 2546 จนมีชาวบ้านมาร้องเรียนว่ามีกลุ่มนายทุนจีน มาเช่าพื้นที่เพื่อทำประโยชน์เมื่อปลายปี 2565 โดยจากการตรวจสอบ พบที่ดินดังกล่าว มีการปักเสาปูน, เสาไม้ และผูกขวดน้ำพลาสติก พร้อมทาสีแดงเป็นสัญลักษณ์ คล้ายแสดงอาณาเขตของแต่ละแปลง แบ่งเป็นล๊อคๆไว้ให้สำหรับเช่าที่ดินดังกล่าว
              ส่วนแปลงไหนที่มีการจองแล้ว จะทำสัญลักษณ์ที่เสาปูนเสาไม้ โดยทาสีเหลืองไว้ หรือสัญลักษณ์อย่างอื่น เพื่อคนที่เข้ามาดูทราบว่ามีการจองที่ดินไว้แล้ว และยังตรวจสอบพบ มีการแผ้วถางป่า เผาทำลายพื้นที่ป่า และปรับปรุงพื้น เพื่อปลูกพืชเช่น มันสำปะหลัง, มะม่วง และกล้วย อีกทั้งยังมีการปลูกสร้างบ้านเรือนและที่อยู่อาศัย ทั้งแบบเลื่อนลอยและแบบถาวร อีกด้วย ซึ่งระหว่างการตรวจสอบมีที่อยู่อาศัยและพื้นที่ปลูกพืชเป็นจำนวนมาก แต่ไม่พบบุคคลที่เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยและพื้นที่ปลูกพืชแม้แต่รายเดียว นอกจากนี้ ระหว่างตรวจสอบยังพบที่ดินในเขตพื้นที่ สปก. หมู่ที่ 8 ต.รางบัว อ.จอมบึง พบมีการแผ้วถางพื้นที่ป่า และปรับปรุงพื้น เพื่อปลูกพืช เช่น มันสำปะหลัง และสับปรด ทั้งมีการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยแบบเลื่อนลอย รวมพื้นที่ 5,800 ไร่ อีกด้วย
            นายกิตติ์ธเนศ วงศ์พัฒน์ นิติกรชำนาญการพิเศษ.สปก. เปิดเผยว่า จากการสำรวจพื้นที่ของสปก.หมู่ 8 และหมู่ 10 ต.รางบัวที่เคยออกเอกสารสิทธิ์ไปแล้ว จนเมื่อปีพ.ศ.2564 ทางสปก.ได้ตรวจสอบข้อมูลการถือครองเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ตามที่รัฐออกโฉนดทำกินพบว่า มีเอกสารสิทธิ์ในโฉนดที่ดินจำนวน 5,800 ไร่ เป็นนอมินีของเครือสหวิริยา โดยมีการดำเนินการเป็นขบวนการ ชักจูงให้ชาวบ้านมาลงชื่ออ้างสิทธิ ทั้งที่ชาวบ้านบางคนที่มีรายชื่อเป็นเจ้าของเอกสารสิทธิ์ ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองมีที่ทำกิน หรือมีชื่อเป็นเจ้าของโฉนดที่รัฐบาลออกมาให้ ซึ่งหลังทางสปก.ได้ตรวจสอบพบข้อเท็จจริง จึงรีบดำเนินการเพิกถอนโฉนดไปแล้ว 17 แปลง รวมกว่า 600 ไร่ ส่วนที่เหลือยังดื้อดึงทาง สปก.จึงต้องใช้ข้อกฎหมาย เพื่อเพิกถอนสิทธิที่ดินดังกล่าว ให้คืนกลับให้เป็นของรัฐทั้งหมด 5,800 ไร่
           ส่วนทางจนท.ป่าไม้ ยอมรับว่า พื้นที่บริเวณ หมู่ที่ 8 ต.รางบัว เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ซึ่งเคยให้ทางบริษัทในเครือสหวิริยา เช่าพื้นที่จากกรมป่าไม้เพื่อปลูกสวนป่า แต่หมดสัญญาเช่าไปเมื่อปี 2546 จึงทำให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าไม้โดยสมบูรณ์ แต่กลับมีกลุ่มบุคคล ซึ่งยังตรวจสอบไม่ได้ว่าเป็นกลุ่มบุคคลใด นำพื้นที่ดังกล่าวไปโพสต์ขายในสื่อโซเชียลหรือเฟสบุ๊ก

           ด้าน นายวีระ สมความคิด ได้ยื่นคำขาดให้ทางจนท.ป่าไม้ รีบดำเนินคดีกับบุคคลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันกระทำความผิด นำที่ดินป่าสงวนแห่งชาติไปโพสต์ขาย ภายใน 3 วัน ไม่เช่นนั้น จะดำเนินการกล่าวโทษป่าไม้ และทางสปก. ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้ทางพนักงานสอบสวน สภ.จอมบึง และจนท.ป่าไม้ ตลอดจนสปก. เก็บรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ที่เกี่ยวกับการบุกรุกและการซื้อขายพื้นที่ป่าสงวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเร่งด่วนต่อไป

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!