นครปฐม-ผบช.ภ.7 แถลงผลจับกุมผู้ต้องหา เครือข่ายยาเสพติด

นครปฐม-ผบช.ภ.7 แถลงผลจับกุมผู้ต้องหา เครือข่ายยาเสพติด

            วันนี้(วันจันทร์ ที่ 16 ม.ค. 66) เวลา 16.30 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รอง ผบช. ภ.7 พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.วรายุทธ สุขวัฒน์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ปรีดา อิ่มเจริญ ผบก.ศฝร.ภ.7/หน.ชป.ปส.ภ.7
พล.ต.ต.ดร.จักษ์ จิตตธรรม ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.อ. เพรียว เลี้ยงชีพชอบ ผู้แทนกองกำลังสุรสีห์ พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.ตชด.13 นายนภเดช เกลียวศิริกุล นายอำเภอทองผาภูมิ นายประสาร เกิดทอง ผู้แทน ป.ป.ส.ภ.7 และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง
           ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม และตรวจยึดของกลาง เครือข่ายยาเสพติด จำนวน 2 คดี ดังนี้ คดีที่1 : แถลงผลจับกุมผู้ต้องหา เครือข่ายยาเสพติด จำนวน 5 ราย ได้แก่ 1. น.ส.สุจินดา ฤดีหรรษา อายุ 30 ปี ที่อยู่ 305 ม.9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี (ผู้ต้องหาที่ 1) 2. ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ที่อยู่ 24/ช ม.1 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี (ผู้ต้องหาที่ 2)
3. นางตีวุย ไม่มีชื่อสกุล อายุ 62 ปี สัญชาติเมียนมาร์ (ผู้ต้องหาที่ 3) 4. นายนำชัย โชสนับ อายุ 36 ปี ที่อยู่ 49/1 ม.3 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี (ผู้ต้องหาที่ 4) 5. น.ส.ณัฐกานต์ คุ้มเจริญ อายุ 33 ปี ที่อยู่ 439 ม.3 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี (ผู้ต้องหาที่ 5) โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่าย โดยการมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และมีผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป , และกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 เพิ่มเติมว่า , ช่วยซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีและเข้ามาอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 3 เพิ่มเติมว่า เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมด้วยของกลางในคดี ได้แก่ 1.ยาบ้า จำนวน 100,000 เม็ด 2.รถยนต์กระบะโตโยต้า รีโว่ 8 กง 3312 กรุงเทพมหานคร (ขนยาบ้า) 3.รถยนต์ โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ กธ 5523 กาญจนบุรี มารับยาบ้า 4.รถยนต์กระบะ โตโยต้า รีโว่ บล 9379 กาญจนบุรี ยึดไว้ตรวจสอบ 5.รถยนต์เก๋ง โตโยต้า อัลติส กท 8189 กาญจนบุรี ยึดไว้ตรวจสอบ
             พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2566 เวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับ และติดตามจับกุม น.ส.สุจินดาฯ, ด.ช.เอ(นามสมมุติ) และ นางตีวุย ไม่มีชื่อสกุล พร้อมของกลางยาบ้า 100,000 เม็ด ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 รายให้การรับสารภาพ ซักทอดว่าจะได้ค่าจ้าง จำนวน 100,000 บาท จากผู้ต้องหาที่ 4 และ 5 จึงได้ขยายผลการจับกุมผู้ร่วมกระทำผิด ในเขตท้องที่ อ.เมืองกาญจนบุรี โดยนำยาบ้าใส่ในถุงดำมาวางไว้ที่ใต้ต้นไม้ ริมถนนสาย 323 และวางกำลังซุ่มไว้ เพื่อจับกุม

            ต่อมาได้มีรถยนต์โตโยต้า สปอรตไรเดอร์สีดำ ขับมาจอดที่จุดวางยาบ้า จากนั้นมีชายหญิงคู่หนึ่งทราบชื่อภายหลังว่า นายนำชัยฯ และ น.ส.ณัฐกานต์ฯ ลงจากรถรถมาหยิบเอาถุงยาบ้าดังกล่าว เจ้าหน้าที่ซึ่งซุ่มอยู่ได้แสดงตัวเข้าจับกุม เมื่อทั้งผู้ต้องหาทั้งสองคนเห็นเจ้าหน้าที่ได้รีบขึ้นรถ และขับหนีไป เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ตามเส้นทางได้ นำอุปกรณ์เข้ามาปิดเส้นทาง การหลบหนี ทำให้รถของผู้ต้องหา เหยียบกับอุปกรณ์ป้องกัน ยางรั่วทั้งสี่เส้น ไม่สามารถหลบหนีไปได้ จากการตรวจค้นในรถ พบถุงยาบ้า ที่เจ้าหน้าที่มาวางไว้ จำนวน 1 ถุง และได้ทำการตรวจดูต่อหน้าผู้ต้องหาทั้งสองแล้ว ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพ จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
           สถานที่เกิดเหตุ จุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ – สังขละบุรี ม.1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จว.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 09.00 น. และ บริเวณไร่อ้อยริมถนน 323 ม.4 ต.หนองบัว อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี เวลาประมาณ 14.30 น. คดีที่ 2 : แถลงผลร่วมตรวจยึดของกลางยาเสพติด ได้แก่ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 15 มัด ยาบ้ารวมจำนวนประมาน 30,000 เม็ด วัน/เดือน/ปีที่ตรวจยึด 13 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 15.30 น.ที่เกิดเหตุ บริเวณริมถนนทางหลวงสาย 3237 ตรงข้าม ซอย 38 เทศบาลตำบลบ้านไร่ ม.4 ต.บ้านไร่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี

           พฤติการณ์แห่งคดี เจ้าพนักงานตำรวจชุดตรวจยึดได้ทำการ สืบสวน และรับแจ้งจากสายลับ แจ้งว่านางสาวโอ๋ฯ(นามสมมุติ) มีพฤติกรรมจำหน่ายยาบ้าในพื้นที่ ม.4 ต.บ้านไร่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี สายลับสามารถติดต่อซื้อยาบ้าจากนางสาวโอ๋ฯ ได้โดยติดต่อทางโทรศัพท์มือถือโดยใช้แอปพลิเคชั่นแมสเซ็นเจอร์ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบและวางแผนสายติดต่อซื้อยาบ้าจำนวน 1 มัด (2,000 เม็ด) ในราคามัดละ 15,500 บาท โดยนัดส่งบริเวณริมถนนทางหลวงสาย 3336 เทศบาลตำบลบ้านไร่ ม.4 ต.บ้านไร่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี สายลับแจ้งว่านางสาวโอ๋เอฯใช้รถยนต์ ยี่ห้อ HONDA CITY สีขาว เป็นพาหนะในการส่งยาเสพติดจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
             สายลับได้ขับรถยนต์เก๋งมายังบริเวณจุดนัดหมาย พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อ HONDA CITY สีขาว จอดอยู่บริเวณริมถนนจุดนัดหมาย จากนั้นนางสาวโอ๋ฯ ได้ติดต่อหาสายลับแล้วแจ้งว่ารถยนต์เก๋งยี่ห้อ HONDA CITY สีขาวเป็นรถยนต์ของนางสาวโอ๋ฯ เมื่อสายลับเห็นว่าเป็นนางสาวโอ๋ฯและได้เห็นยาบ้าที่นางสาวโอ๋ฯนำมาจำหน่ายให้ตนตามที่ตกลงกัน สายลับได้ส่งสัญ ญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นบุคคลที่ตนได้ติดต่อสั่งซื้อยาบ้ากันและนำยาบ้ามาด้วยจริง เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการจับกุมนางสาวโอ๋ฯ นางสาวโอ๋ฯได้ขับรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวหลบหนี เจ้าพนักงานงานตำรวจจึงได้ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด เห็นว่าที่รถยนต์เก๋งคันดังกล่าวได้มีการโยนสิ่งของออกมาจากรถยนต์เก๋งบริเวณทางประตูด้านซ้ายฝั่งผู้โดยสารและขับหลบหนีไปได้
เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบสิ่งของที่ถูกโยนออกมาจากรถยนต์เก๋งคันที่นางสาวโอ๋ฯขับขี่ และหลบหนีไป พบว่าเป็นยาบ้า ของกลาง จำนวน 15 มัด ( ประมาณ 30,000 เม็ด ) อยู่บริเวณริมถนนทางหลวงสาย 3237 ตรงข้าม ซอย 38 เทศบาลตำบลบ้านไร่ ม.4 ต.บ้านไร่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี จึงได้ร่วมกันทำการตรวจยึดยาบ้าจำนวนประมาณ 30,000 เม็ด จากนั้นได้นำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดำเนินสะดวก เพื่อดำเนินคดีกับนางสาวโอ๋ฯตามกฎหมายต่อไป
           ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ม.ค.2566 เวลาประมาณ 09.35 น.ได้มีรถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแมค สีขาว โหลดเตี้ย ไม่ทราบทะเบียน และ อีซูซุ โรดีโอ ยกสูง สีดำ ไม่ทราบทะเบียน มาวนรถค้นตามหายาบ้า บริเวณที่เกิดเหตุ สันนิษฐานว่ารถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแมค สีขาวเป็นยานพาหนะ คันเดียวตรงกับยานพาหนะของนายกอล์ฟ ที่มีความสัมพันธ์เป็นแฟนของนางสาวโอ๋ฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผล และติดตามจับกุมผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

          ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องรวบรวมพยานหลักฐานในคดีให้รอบคอบ เพื่อให้สามารถดำเนินคดีลงโทษผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องได้จนถึงที่สุด ตามคติที่ว่า”คนดีต้องอยู่เย็นเป็นสุข คนร้ายต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์”
          ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงประชาชนว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ และขอชมเชยเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!