ปราจีนบุรี-โขลงช้างป่าอ่างฤาไน แปดริ้วบุกข้ามฝั่งยึดป่าอ้อยหากิน – พังรั้วชาวบ้าน

ปราจีนบุรี-โขลงช้างป่าอ่างฤาไน แปดริ้วบุกข้ามฝั่งยึดป่าอ้อยหากิน – พังรั้วชาวบ้าน

ภาพ-ข่าว:มานิตย์ สนับบุญ

               วันนี้ 5 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวจังหวัดปราจีนบุรี รายงานว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านพบโขลงช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา (ในป่าราบต่ำผืนสุดท้ายพื้นที่ป่ารอยต่อ5จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.ชลบุรี,จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง) จำนวน16ตัว(บวก) เข้ามายึดป่าอ้อย ของชาวบ้านหมู่ที่ 18 บ้านโนนจินดา ต.ท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เป็นแหล่งอาหาร จากการใช้โดรนบินสำรวจ พบว่าในป่าอ้อยของชาวบ้านพบ โขลงช้างป่านับได้ 16 ตัว กำลังหากินอยู่ในป่าอ้อยและยึดป่าอ้อยของชาวบ้านเป็นที่พักอาศัย สร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรเป็นอย่างมาก
                นายธำรงศักดิ์ จาบกุล สารวัตรกำนันตำบลวังท่าช้างกล่าวว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบเห็นฝูงช้างเข้ามาอาศัยหากินอยู่ในป่าอ้อยหลังหมู่บ้าน จึงรายงานให้นายวัชรธรรม พรมสามสี กำนันตำบลวังท่าช้างทราบ และประกาศแจ้งเตือนให้ชาวบ้านระวังฝูงช้างป่าพร้อมทั้งประสานกับอบต.และชุดผลักดันช้างป่าอ่างฤาไนและจิตอาสาทำการผลักดันฝูงช้างป่า หลังจากผลักดันฝูงช้างป่าออกจากพื้นที่ฝูงช้างป่าก็ย้อนกลับมาอยู่ที่เดิม ซึ่งมีแหล่งอาหารสมบูรณ์และมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ทำให้ช้างกลับมาหากินในป่าอ้อยของชาวบ้าน

              ด้านนางสาวสุพัตรา แสนเงิน กล่าวว่า ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมาตนเองกับสามีและเพื่อนบ้านเฝ้าระวังช้างป่าอยู่สวนปาล์ม และได้รับโทรศัพท์จากลูกชายว่าเวลา05.00น.ที่ผ่านมามีช้างป่าตัวใหญ่พังประตูรั้วเหล็กหน้าบ้านเข้ามากัดกินต้นกล้วย5ต้น และช้างได้มายืนอยู่หลังบ้านและกินน้ำในกระแป๋งหลังบ้านแล้วเดินจากไป
               นายเจตมงคล แสนเงิน 15 ปี ลูกชายของนางสาวสุพัตรากล่าวว่าเห็นช้างเดินกินต้นกล้วยรอบบ้านแล้วเงียบเสียงลง เปิดประตูหลังบ้านออกมาดูพบว่าช้างเดินมาทางประตูหลังบ้านจึงรีบปิดประตูหนี เย็นวานนี้พบว่า มีช้างป่ามาซุ่มมองดูอยู่หลังบ้านหลายตัวและช้างก็พากันเดินหนีไป กระทั่งรุ่งสางที่ผ่านมามีช้างป่าตัวใหญ่พังประตูรั้วหน้าบ้านแล้วเดินกัดกินต้นกล้วยข้างบ้าน

              ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า พบมีการโพสต์ใน LINE กลุ่มของอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดลัอมทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทสม.) โดยผู้ใช้ชื่อว่า “สุนทร คมคาย” เป็นคลิปภาพโขลงช้างป่า จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน แปดริ้ว หรือ จ.ฉะเชิงเทรา (ในผืนป่าราบต่ำผืนสุดท้ายในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภ่คตะวันออก จ.ฉะะเชิงเทรา,จ. สระแก้ว, จ.ชลบุรี,จ.จันทบุรีและ จ.ระยอง) รวม จำนวนมากกว่า 8 ตัว กำลังยกโขลงหากินอยู่กลางป่าอ้อย อย่างอิ่มหนำสำราญ-สบายอารมณ์ในพื้นที่ หมู่บ้านวังกวางหมู่11ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี และข้อความระบุว่า … ปุ๋ยกระสอบละ1,700 ยากระติกละ 1,000 เจอแบบนี้เข้าไป มันก็จะไม่ไหวนะครับ …
              ได้พบกับ นายสุนทร คมคาย แกนนำวิสาหกิจชุมชน และอาสาสมัครเฝ้าระวังผลักดันช้างป่า ต.เขาไม้แก้ว อ. กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า โขลงช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขา อ่างฤาไน ในผืนป่าราบต่ำแห่งสุดท้ายในป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออกจ.ฉะเชิงเทรา จ.สระแก้ว จ.จันทบุรี จ. ชลบุรี จ.ระยอง ได้เข้ามาหากินไร่อ้อยของเกษตรกรนายต๋อย ตะเภาพงษ์ อดีต ผญบ. หมู่ 11 บ้านวังกวาง ต.วังท่าช้าง อ. กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรีที่กำลังให้ผลผลิตได้รับความเสียหายทั้งแปลงมากกว่า 10 ไร่เศษโดยผงช้างป่าที่พบรวมจำนวนมากกว่า 8 ตัวบวกพากันยกโขยงแยกฝูงพากันออกมาหากินมาจากแหล่งที่อยู่อาศัยที่บริเวณสวนป่ายูคาลิปตัสที่ถูกปล่อยรกร้างว่างเปล่าของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่หมดสัญญาการทำสัมปทานจากกรมป่าไม้เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื้อที่รวมมากกว่า 2,000 ไร่ ตั้งแต่ช่วงสมัยอดีตพลตรีสนั่น หรือเสธฯหนั่น ขจรประศาสตร์อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์

ที่มี โขลงช้างป่าได้เข้ามาอาศัยอยู่ราวกว่า 20 ตัวบวกซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงวันที่ 26 -27 ธ .ค 65 โขลงช้างป่ารวมจำนวนกว่า 130 ตัวบวกได้ข้ามฝั่งจากแปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา มา มาหากินและ อาศัยอยู่ ในสวนป่ายูคาลิปตัสร้างดังกล่าว ทางชุดผลักดันช้างป่าเขตรักษาพันธุ์เขาอ่างฤาไนร่วมกับอาสาสมัครฯ ได้ผลักดันกลับคืนถิ่นเดิม แต่ยังเหลือๆของทางฝังอีกบ้านวังกวาง รวมกว่า 20 ตัว(บวก)ดังกล่าว โดยในแต่ละวัน โขลงช้าง จะพากันยกโขยง มาหากินไร่อ้อยของผู้ใหญ่ต๋อย เคยเข้ามาหากินยกแปลงเสียหายทั้งหมดมาก่อนหน้าหมดเกลี้ยงมาแล้วแปลงหนึ่ง แม้นทุกๆคืน ทางผู้ใหญ่ต๋อย-ลูกน้อง จะนำรถไถเข้าไปทำการผลักดัน โขลงช้างป่า ก็ไม่ไปไหนไกลไปๆมาๆ ระยะระหว่าง ต.วังท่าช้างกับต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีน บุรี พื้นที่ติดต่อกัน ไม่ยอมยกโขลง กลับคืนผืนป่าราบต่ำฯ ถิ่นที่อยู่ดั้งเดิม ที่ป่า แปดริ้ว หรือ จ.ฉะเชิงเทรา นายสุนทร กล่าว

              และ กล่าวต่อไปว่า ขอ “เสนอแนวทาง เพื่อแก้ไขแหล่งอยู่อาศัยของโขลงช้างป่า ที่เข้ามาใช้สวนป่ายูคาลิปตัสร้าง ที่ครบสัมปทานไปแล้วนี้ เป็นไปได้หรือไม่ที่ทางรัฐบาลฯหรือกรมป่าไม้ จะมอบหมายอำอาจทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) อาทิ องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ได้เข้าไปดูแล-จัดสรรให้ราษฎรได้ใช้ประโยชน์ในการทำการเกษตรต่างๆ(?) นายสุนทร กล่าว
            ด้าน นาย ธนเกียรติ ไชยราษฎร์ อาสาสมัครเฝ้าระวังช้างผลักดันช้างป่าเครือข่ายต.วังท่าช้าง กล่าวว่า จากปัญหาช้างป่ามากกว่า 130 ตัว(บวก)ยกโขยงโยกย้ายถิ่นหากินมักข้ามเข้ามาหากินฝั่ง อ.กบินทร์บุรี ใน ต. วังท่าช้าง ต.เขาไม้แก้วฝั่ง อ. ศรีมหาโพธิในต.หว้าเอนต่อว่าเอนนั้นกลุ่มจิตอาสาอาสาสมัครในแต่ละพื้นที่ได้ตื่นตัวในการแก้ไขอาทิจัดซื้อโดรน บินตรวจหาที่อยู่การเคลื่อนที่ของช้างเพื่อผลักดันวางแผนในชุมชนตนเอง แต่มีปัญหาหรือผลการกระทบตามมาจากช้างป่าประการหนึ่งคือความขัดแย้งระหว่างคนกับคน ในพื้นที่ถิ่นดั้งเดิมของช้างป่าคือแปดริ้วกับพื้นที่ถิ่นโยกย้ายเข้ามาทำกินใหม่จ.ปราจีนบุรี

             กล่าวคือหากช้างเข้าข้ามเข้ามาทางปราจีนบุรีสร้างผลกระทบบ้านเรือนที่อยู่อาศัยพื้นที่ทางการเกษตรชุดผลักดันช้างป่าจะทำการผลักดันให้ช้างกลับคืนผืนป่าถิ่นเดิมแต่คนถิ่นเดิมเองก็ไม่ต้องการช้างที่ทำความเสียหายให้กับทรัพย์สิน-ชีวิตบ้านเรือนตลอดจนเลือกสวนไร่นาในฝั่งตนเองเช่นกัน เมื่อช้างป่าถูกผลักดันกลับคืนถิ่นผืนป่าอาศัยเดิม ทั้งจุดประทัด ใช้ผู้คน จิตอาสาฯผลักดันมาอีกฝ่าย ที่ก็ไม่ต้อนรับช้างให้ผ่านกลับคืนก็ต่อต้านผลักดันกลับคืนโต้ตอบ ซึ่งเมื่อเป็นข้อขัดแย้งของคนกับคน ที่ต่างฝ่ายต่างมีปืนและต่างฝ่ายต่างก็ไม่ต้องการให้ช้างป่าเข้าพื้นที่ของตนเองแล้วอาจเป็นอันตราย- โศกนาฏกรรม ติดตามมา ได้เสนอให้ทางอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ(ทสม.)ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนัดประชุมแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่าอีกรอบ ต้องการให้ประสานทั้ง 2 จังหวัด 4 ตำบลนี้จ.ปราจีนบุรีมี ต.เขาไม้แก้วกับต. วังท่าช้าง แปดริ้วหรือ จ.ฉะเชิงเทรามี ต.ท่ากระดานกับ ต.ทุ่งพญา ต้องรวมกันให้ได้เพราะต่างคนต่างจุดประทัดผลักดันช้างตามคนต่างพกปืนและไม่ต้องการให้ช้างเข้าพื้นที่”นายธนเกียรติกล่าวในที่สุด

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!