การเมืองนครศรีฯ ;คิดเพื่อส่วนรวมเป็นตัวตั้งเถิด อย่ามีแต่ลมปาก

การเมืองนครศรีฯ ;คิดเพื่อส่วนรวมเป็นตัวตั้งเถิด อย่ามีแต่ลมปาก

ภาพ-ข่าว:นายหัวไทร

             อื้ออึงเหลือเกินสำหรับเมืองนครศรีธรรมราช โฉ่มาถึงกรุงเทพ ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) กับผู้บริหารท้องถิ่น (บางคน) กับสุนทร รักษ์รงค์ ที่มีแชตหลุดออกมาว่อนไปหมดในสังคมออนไลน์ แชตหลุดทำนองว่า “ใครเชิญสุนทร” หรือแม้กระทั่ง อสม.คนไหนดำเนินการจะไปกราบถึงบ้าน เหล่านี้เป็นต้น
              เหตุการณ์นี้น่าจะเกิดจากการที่กลุ่มสตรีอำเภอร่อนพิบูลย์ เชิญนายสุนทร รักษ์รงค์ คณะทำงานรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตนี้ในนามพรรคพลังประชารัฐมาเป็นประธานเปิดงานส่งเสริมอาชีพดีพร้อม ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และเชิญต่อเนื่องถึง 3 ครั้ง สุดท้ายคือวันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 ที่วัดเทพนมเชือด ต.ร่อนพิ บูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ถิ่นของ “แทน-ชัยชนะ เดชเดโช” ส.ส.ประชาธิปัตย์ และถือเป็นคู่แข่งกันทางการเมือง พูดสั้นๆง่ายๆ “สุนทรถูกเชิญให้ไปเหยียบจมูกแทนได้งัย” แต่ถ้าพิจารณาในแง่ของเนื้อหาของงานน่าจะเกิดประโยชน์กับประชาชนแยกแยะความเดือดร้อนของชาวบ้าน กับการเมืองให้ออก การเมืองเป็นเรื่องของชาวบ้านกับผู้ขันอาสาเข้ามาทำ งานแทนประชาชน 3 ปีที่ประชาชนต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร้ระบาดของไวรัสโคโรน่า (โควิด 19)  ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส เศรษฐกิจก็ย่ำแย่ เมื่อรัฐบาลจัดโครงการดีๆอย่างการส่งเสริมอาชีพดีพร้อม คือการฝึกอบรมให้ทำอาหาร ซึ่งมีการฝึกการทำน้ำพริก ทำผงหมาล่า รวมถึงวิธีการในการบรรจุภัณฑ์ อันจะช่วยให้ชาวบ้านต่อยอด เอาวัตถุดิบในท้องถิ่นมาแปร รูป เช่น น้ำพริกกระทือ น้ำพริกใบทำมัง ที่เด็กรุ่นใหม่เริ่มไม่รู้จัก กินไม่เป็น ควรได้รับการส่งเสริม สนับสนุน ต่อยอด สร้างการตลาด อันจะเป็นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน
             สังคมไทยไม่ใช่มีปัญหาเฉพาะเศรษฐกิจ การดำรงชีพ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ การถูกเอารัดเอาเปรียบจากคนที่มีอำนาจ หน้าที่ที่เหนือกว่า ยังมีปัญหาเชิงสังคม การแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งเท่าที่ทราบยาเสพติด (ยาบ้า) ได้แพร่ระบาดในจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปทุกหย่อมหญ้า ทุกชุมชน ราคาถูก ลูกหลาน-เยาวชนเข้าถึงได้ง่าย ทำร้ายลูกหลานเยาวชน ตามมาด้วยการก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม ทำลายสังคมประเทศชาติ ถ้าพี่น้องประชาชนร่วมกันจับไม้จับมือกันประสานสามัคคีกัน นักการเมืองร่วมไม้ร่วมมือกันต่อต้านยาเสพติด ไม่เอานักการเมืองสีเทาที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด สังคมก็จะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ แต่ถ้าสังคมเกิดความแตกแยก ขาดความสามัคคีกัน สังคมก็จะอ่อนแอ สิ่งเลวร้ายก็จะเบียดแทรกเข้ามาทำลายได้ง่าย

               อย่างโครงการดีๆของสมาชิกวุฒิสภา สัญจร “สมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนภาคใต้” โดยการนำของ สว.สวัสดิ์ สมัครพงศ์ ไปดูหมู่บ้านเก้ากอ ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรี ธรรมราช อันเป็นชุมชนต้นแบบที่เป็นชุมชนเข้มแข็ง ผู้นำชุมชนจับมือกันเหนียวแน่นต่อต้านยาเสพติด เมื่อเป็นชุมชนต้นแบบต่อต้านยาเสพติด จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องนำมาเผยแพร่ต่อถึงวิธีการในการดำเนินการ เพื่อให้ชุมชนอื่นเอาไปเป็นต้นแบบ หรือเป็นแบบอย่างในการดำเนินการต่อไป แต่สำหรับสังคมเมืองนครศรีธรรมราชกำลังตกอยู่ในภาวะน่ากังวล นักการเมืองก็แบ่งแยก ชิงการนำกันอย่างเข้มข้น อย่างน้อย 4 พรรค ทั้งประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ พร้อมเดินหน้าลงสู่สนามประหัตประหารกัน ยังไม่เห็นร่องรอยของการจับมือประสานเดินหน้าร่วมกันแก้ปัญหา เร่งพัฒนาบ้านเมือง ถ้าสี่พรรคนี้จับมือประสานกันได้ ประกาศจุดยืน เร่งออกนโยบายที่ดีๆ แพ้-ชนะ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ถ้าการเมืองเป็นแบบนี้ ผู้สมัครยิ่งมากยิ่งดี สังคมได้ประโยชน์ ประชาชนได้มีตัวเลือกมากขึ้น แต่สิ่งที่ปรากฏเวลานี้มันไม่ใช่นะวิ
                พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัญญาณชัดเจนแล้วว่า จะปรับ ครม.ก่อนปีใหม่ นั่นก็แปลความได้ว่า รัฐมนตรีใหม่มีเวลาในการทำงานเพียงไม่เกิน 3 เดือน รวมเวลารักษาการอีกประมาณ 45 วัน อันเป็นช่วงเวลาที่สนามเปิดให้นักการเมืองได้ใช้ในสิ่งที่มีเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง ไม่ใช่ประโยชน์ของชาติประชาชนแต่อย่างใด ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในนครศรีธรรมราชเป็นปรากฏการณ์ที่น่าวิตก น่ากังวลที่ทุกฝ่ายไม่ควรนำไปขยายผลเพื่อประโยชน์ทางการเมือง อันจะยิ่งนำมาซึ่งความขัดแย้ง แตกแยกมากขึ้น และไม่ก่อประโยชน์ใดๆกับสังคมโดยรวม

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!