ประชาธิปัตย์มั่นใจ สนามเลือกตั้งภาคใต้ ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด

ประชาธิปัตย์มั่นใจ สนามเลือกตั้งภาคใต้ ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด

ภาพ-ข่าว:นายหัวไทร

             น่าสนใจในความมั่นใจของ “นายกฯชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ที่นั่งในภาคใต้ 40 ที่นั่ง เป็นตัวเลขที่ปรับสูงขึ้นจากเดิมที่เคยตั้งไว้ 35 ที่นั่ง ตัวเลข 40 ที่นั่งมาจากการเตรียมการพร้อมรับมือเลือกตั้ง วางตัวผู้สมัครครบแล้ว 58 เขตเลือกตั้ง การประชุมสั่งการให้ว่าที่ผู้สมัครลงพื้นที่คลุกคลีกับชาวบ้านแบบ “ติดดิน”

               กล่าวสำหรับสนามเลือกตั้งภาคใต้แล้ว หลังจากประชาธิปัตย์เพลี่ยงพล้ำในการเลือกตั้งปี 62 โดยเสียที่นั่งให้กับพลังประชารัฐ 13 ที่นั่ง ภูมิใจไทย 8 ที่นั่ง และประชาชาติใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ทุกพรรคการเมืองที่ต้องการโค่นล้มพรรคประชาธิปัตย์ หรือต้องการแย่งที่นั่งของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ ต่างเปิดเกมรุกขยายฐานลงภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ สร้างอนาคตไทย ไทยสร้างไทย
                บางพรรคที่เป็นคู่แข่งประชาธิปัตย์ถึงขั้นประกาศปักหมุด ยึดจังหวัด หรือยึดโซนนั้นโซนนี้ เช่น รวมไทยสร้างชาติตั้งเป้ายึดชุมพร ยึดสุราษฎร์ธานี ยึดพัทลุง ด้วยเหตุผลแค่บ้านใหญ่เข้าร่วมพรรคด้วย โดยไม่ได้ยึดฐานประชาชน และยังเชื่อในฐานข้อมูลเก่า

                 ข้อมูลเก่าจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่พรรคประชาธิปัตย์พลาดท่า ต้องเสียที่นั่งให้พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย และเชื่อว่า แม้ประชาธิปัตย์จะร่วมอยู่ในรัฐบาล แต่ผลงานยังไม่ปรากฏชัด และเชื่อว่า ”ประชาธิปัตย์ยังไม่ฟื้น” กระแสยังไม่มี

                 ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าทุกพรรคการเมืองจึงมุ่งหน้าสู่ภาคใต้ เพื่อหวังโค่นล้มแชมป์ภาคใต้ คือ ประชาธิปัตย์ เพราะการหวังจะไปยึดภาคอื่นโอกาสยากกว่า ภาคเหนือ ภาคอิสาน เพื่อไทยเขาก็เหนียวแน่น ยากจะไปต่อกรได้ สู้ลงสู่สนามที่เปราะบางจะดีกว่า ซึ่งถ้ามองในมุมของโอกาสของประชาชนน่าจะเป็นเรื่องดี เป็นความสวยงามของดอกไม้ประชาธิปไตย ประชาชนจะได้มีตัวเลือกใหม่ๆ แต่น่าเศร้าใจกับยุทธวิธี ”ตกปลาในบ่อเพื่อน” ของบางพรรคการเมือง ด้วยการดึงดูดคนของประชาธิปัตย์ ทั้งที่เป็น ส.ส.ในปัจจุบัน อดีต ส.ส.ที่ สอบตกในการเลือกตั้งที่ผ่านมา และสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งไปอยู่ด้วย เพียงหวังเดินทางลัด ไม่สร้างคนใหม่ๆเข้าสู่เวทีการเมือง หวังเพียงใช้เวลาสั้นๆสร้างพรรค ปักหมุดการเมือง ไม่อยากเอ่ยชื่อพรรคไหน ชื่อใคร คอการเมืองคงรับสู้กันหมดแล้ว

                   ยุทธวิธีตกปลาในบ่อเพื่อน ไม่ใช่ยุทธวิธีในการสร้างพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมือง เป็นเพียงกลยุทธ์ในระยะสั้นเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ไม่ได้ก่อเกิดขึ้นจากคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เห็นร่วมกันในนโยบาย สุดท้ายพรรคการเมืองแนวนี้ก็จะเป็นเพียงพรรคเฉพาะกิจ ส่งนายให้ไปสู่ฝันด้วย money politic (ประชาธิปไตยเงินสด) ประชาธิปไตยเงินสดเพิ่งจะเข้ามาแพร่ระบาดในภาคใต้ไม่กี่ปีมานี้ และรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง เริ่มชัดขึ้นในการเลือกตั้งปี 2562 การเลือกตั้งซ่อม 3 ครั้งที่ผ่านมา เป็นการเลือกตั้งที่ใช้ปัจจัยกันอย่างน่าเกลียด สืบพันธุ์ขยายตัวมาถึงการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ท้องที่แผ่ซ่านไปในทุกชุมชนน่าขนลุกขนพอง

                 ครั้งหนึ่งเราคงจำกันได้นายพลคนหนึ่งอยากเล่นการเมืองก็หิ้วกระเป๋าเจมส์บอนไปลงสมัครที่ร้อยเอ็ด เงินสะพัดในทั่วทุกหย่อมหญ้า จนกล่าวขานกันถึง”โรคร้อยเอ็ด” ตั้งแต่นั้นมา “โรคร้อยเอ็ด”ระบาดออกไปอย่างรวดเร็ว มีแต่ภาคใต้ที่ประชาชนมีภูมิคุ้มกันแข็งแรง การระบาดของโรคร้อยเอ็ดแทรกซึมเข้าไปช้า แต่เมื่อสังคมอ่อนแอ ภาวะเศรษฐกิจบีบคั้น โรคร้อยเอ็ดจึงระบาดในภาคใต้อย่างรวดเร็ว
                 “ปรากฏการณ์จับปลาในบ่อเพื่อน”ของพรรคการเมืองบางพรรค โดยใช้เหยื่อ money politic เป็นพลังดูดที่เกิดขึ้นกับ ”ประชาธิปัตย์” ในส่วนของภาคใต้เป็นพลังการทำลายประชาธิปไตย เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก็จะหนีไม่พ้นวงจรอุบาทว์ ใช้เงินสกปรกซื้อเสียง ชนะเลือกตั้ง จัดตั้งรัฐบาล ทุจริตโกงกิน รัฐประหาร ฉีดรัฐธรรมนูญ ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ผู้มีอำนาจได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญที่ยกร่างขึ้นใหม่ เอาเปรียบคนอื่น การต่อสู้ที่ไม่เป็นธรรม เลือกตั้งใหม่ ทุจริตการเลือกตั้ง นี้คือวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทย

กล่าวสำหรับประชาธิปัตย์ในภาคใต้ นายกฯชายแถลงว่าได้ตัวผู้สมัครครบแล้ว 58 เขต ถือว่าพร้อมแล้ว 100% ก็เชื่อว่า วันนี้ คลื่นลมทั้งในอ่าวไทยและอันดามันสงบลงแล้ว เลือดที่ไหลออกคงจะหยุดไหลแล้ว จำนวน ส.ส.และอดีต ส.ส. ที่เปลี่ยนพรรคจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว โดยเฉพาะอดีต ส.ส. “สุพัชรี ธรรมเพชร” ที่เป็นเครือญาติของ ”บ้านใหญ่” ใน จ.พัทลุง ที่ย้ายจาก ”ประชาธิปัตย์” ไปสร้าง ”อาณาจักรใหม่” กับ ”รวมไทยสร้างชาติ” แหม่ม-สุพัชรี ยืนยันไม่ไปกับบ้านใหญ่ ยังอยู่กับ ”ประชาธิปัตย์” ชัวร์ แถมประชาธิปัตย์ยังได้คนรุ่นใหม่ ดร.ปิยะกาญจน์ สุพรรณชนะบุรี ทายาททางการเมืองของ “สานันท์ สุพรรณชนะบุรี” อดีต ส.ส.สองสมัยของพัทลุง อดีตนายกฯอบจ.พัทลุงสองสมัย เข้ามาเสริมทัพในเขต 2 อีกด้วย

”นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้อำนวยการเลือกตั้ง ตอกย้ำว่า ”เลือดไหลออกของประชาธิปัตย์จบแล้ว และจะไม่มีการไหลออกเป็นระลอกที่ 2 อย่างแน่นอน และ ประชาธิปัตย์ ไม่ได้กดดันกับการ ”จัดทัพ” เพื่อการเลือกตั้งในปี 2566 แต่อย่างใดผู้สมัครที่จะมาทดแทน ส.ส.และอดีต ส.ส. ที่ลาออกไปอยู่พรรคอื่น มีการคัดเลือกเสร็จแล้ว ในส่วนของผู้สมัคร ที่มีการประกาศตัวไปแล้ว วันนี้ทุกคนลงพื้นที่ทำกิจกรรมทางการเมือง เพื่อพบปะประชาชนในเขตเลือกตั้งแล้ว เป้าหมายของ ส.ส.ภาคใต้ไม่เปลี่ยนแปลง นิพนธ์เชื่อว่า ยังจะได้ ส.ส. 40 ที่นั่งขึ้นไป

ประชาธิปัตย์เคยโตสูงสุด และตกต่ำสูงสุดมาแล้ว และทุกครั้งที่ตกต่ำก็ใช้เวลาไม่นานก็ฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ ภาพสะท้อนของการหื้นตัวของประชาธิปัตย์ ปรากฏผ่านการเลือกตั้งซ่อม 2 ครั้งในภาคใต้ที่ชนะทั้งสองครั้ง และเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และสมาชิกสภา กทม.ซึ่งคะแนนที่ได้รับก็ไม่เสียหาย สมรภูมิเลือกตั้งภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คอการเมืองบางคนคาดคิดก็ได้ บทพิสูจน์รออยู่ในคูหาเลือกตั้งในอีกไม่นานนี้

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!