ประจวบคีรีขันธ์-แพทย์เตือนใช้เครื่องตัดหญ้าระวังเศษหินกระเด็นเข้าตา

ประจวบคีรีขันธ์-แพทย์เตือนใช้เครื่องตัดหญ้าระวังเศษหินกระเด็นเข้าตา

ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ

            แพทย์โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์เตือน ใช้เครื่องตัดหญ้าต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งขณะทำงาน เสี่ยงถูกใบมีดเหวี่ยงเข้าศีรษะ ลำตัว หรือหินกระเด็นใส่ตา อันตรายถึงชีวิต หากติดเชื้อลุกลามไปยังสมองได้ เคสล่าสุด ชายวัย 50 ปี เศษหินกระเด็นเข้าตา ชะล่าใจอีก 4 วันกว่าจะมาหาหมอ โชคดีรักษาทัน**
             วันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ที่ห้องประชุมคีรีขันธ์ อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ นายแพทย์อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย แพทย์หญิงสุภา สุขจำนงค์ จักษุแพทย์ เปิดเผยว่า ทีมแพทย์โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ทำการรักษาผู้ป่วยชายอายุ 50 ปีเศษ ถูกเศษหินกระเด็นเข้าเป้าตาขณะใช้เครื่องตัดหญ้า มีอาการปวดระคายเคืองตา 4 วันกว่าจะมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล แพทย์จึงนำผู้ป่วยเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉิน และฉีดยาต้านเชื้อเข้าทางเส้นเลือด พบว่ากระจกตาฉีกขาดเป็นรอยยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร และพบเศษหินผิวไม่เรียบขนาด 2.5 มิลลิเมตร ฝังอยู่ในเบ้าตาค่อนไปทางด้านบน แสดงให้เห็นทิศทางของเศษหินที่โดนใบมีดตัดหญ้าพุ่งด้วยความเร็วสูง จากนั้นใช้กล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูง การผ่าตัดเอาสิ่งแปลกปลอมออกมาจากส่วนลึกของดวงตาได้สำเร็จ
              แพทย์หญิงสุภา สุขจำนงค์ จักษุแพทย์ เปิดเผยว่า จากการสอบถามประวัติผู้ป่วยทราบว่า ขณะตัดหญ้าโดยใช้เครื่องตัดหญ้า ถูกหินกระเด็นเข้าตาข้างขวา แต่ตอนนั้นยังไม่มีอาการปวด ผ่านไปสี่วันตามั่วลงเรื่อย ๆ และมีอาการปวดระคายเคือง ตาแดง น้ำตาไหล นำผู้ป่วยเข้าตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ตรวจตาชนิดลำแสงแคบ (Slit Lamp) ซึ่งเป็นกล้องที่มีความละเอียดสูง และทำการผ่าตัดผ่านทางกล้องจุลศัลยกรรม หรือกล้องผ่าตัดทางตา (Ophthalmic Surgical Microscope) พบว่า มีก้อนหินทะลุเข้าที่กระจกตา ผิวของตาดำทะลุไปติดที่หน้าลูกตา ซึ่งสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปยังตา ต้องรีบผ่าตัดออกอย่างเร่งด่วน สำหรับผู้ป่วยรายนี้ ถือว่าโชคดีเนื่องจากหินก้อนเล็กและเข้าไปไม่ลึก คืออยู่บริเวณหน้าลูกตา ฉะนั้นวิธีการผ่าตัดคือเปิดเข้าไปทางตาดำ แล้วคีบเอาสิ่งแปลกปลอมออกได้ แต่หากกรณีแผลลึก ลึกไปถึงจอประสาทตา หรือจอประสาทตาฉีกขาด ซึ่งรุนแรง ต้องส่งไปพบแพทย์เฉพาะทางจอประสาทตาต่อไป ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นลูกตาติดเชื้ออาจต้องนำลูกตาออก หรือเชื้อลุกลามแทรกซ้อนไปยังสมองได้ อุบัติเหตุทางตาที่เกิดขึ้นโดยไม่สวมเครื่องป้องกันที่พบได้บ่อย อาทิเช่น เจียเหล็ก ตอกตะปู ตัดหญ้า ตัดต้นไม้ ฟันต้นไม้ สารเคมี น้ำแรงดันสูง ซึ่งเสี่ยงกระแทกตา การทำงานที่เสี่ยงอุบัติเหตุ ต้องสวมแว่นป้องกัน ครอบไม่ให้มีช่องให้สิ่งแปลมปลอมลอดเข้ามาได้
               นายแพทย์อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า กรณีอย่างนี้ การป้องกันตนเองด้วยการสวมอุปกรณ์ป้องกัน อย่างเช่นแว่นตานิรภัย ซึ่งหาได้ไม่ยากและราคาไม่สูงเพียงร้อยกว่าบาท หากไม่มีแว่นนิรภัย ให้ใช้หมวกกันน๊อคที่มีฝาครอบปิดบังใบหน้า ป้องกันได้ระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม แต่ดีกว่าไม่ทำอะไร สำหรับการใช้เครื่องตัดหญ้า อันตรายไม่เพียงแต่ใบหน้าหรือดวงตาแต่อย่างเดียว อันตรายเกิดขึ้นได้ที่ศีรษะ สมอง หรือช่องท้อง จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เจอกรณีเช่นนี้บ่อยครั้ง และมีอยู่รายหนึ่งหนึ่ง คือใบมีดหักเพราะไปชนก้อนหินขนาดใหญ่และแข็ง พอใบมีดหักจะบิดเป็นสว่าน ทะลุเข้าไปในช่องท้อง ทะลุลำไส้ อันตรายเหล่านี้เกิดขึ้นได้บ่อยมาก นอกจากนี้ หากสิ่งแปลมปลอมที่เข้าดวงตาที่ลึกมาก มีความสกปรก มีเชื้อโรค เป็นผงเป็นฝุ่น ดวงตาติดเชื้อ การให้ยาต้องฉีดเข้าดวงตา รักษายากและมีโอกาศสูญเสียดวงตาสูงความไม่รอบครอบ หรือความประมาท อย่าคิดเอาง่ายเอาเร็ว หากไม่มีชุดป้องกัน ในการใช้เครื่องตัดหญ้า แนะนำให้สวมใส่กางเกงยีนส์หนาใส่รองเท้าบูทและเสื้อแขนยาว สวมถุงมือ และครอบศีรษะด้วยหมวกกันน๊อคที่มีหน้ากากบังใบหน้า ป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้ากระแทกใบหน้าได้ ช่วยลดอุบัติเหตุลดลงได้มาก
                ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ มีจักษุแพทย์ 2 ราย ผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุดวงตาลักษณะเช่นนี้ เฉลี่ยเดือนละ 2 คน และทำการรักษาดวงตาจากสาเหตุทั่วไปปีละ 800 คน ขณะที่เครื่องผ่าตัดตารุ่นเก่าใช้สำหรับผ่าต้อกระจกมีอายุการใช้งานกว่า 20 ปี ส่วนกล้องจุลทรรศน์เครื่องล่าสุดซึ่งเป็นเครื่องที่มีกำลังขยายสูง และเตรียมจัดซื้อเพิ่มเพื่อรองรับปริมาณผู้ป่วยในอนาคต

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!