สุพรรณบุรี-ญาติมิตรร่วมพิธีมิสซาและอาลัยครูเจี๊ยบ
ภาพ/ข่าว:ทีมข่าวเฉพาะกิจสุพรรณบุรี
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 15 พ.ย.66 ได้มีการทำพิธีเหลี่ยม หรือพิธีปิดฝาโลง โดยญาติได้นำเสื้อผ้า ตุ๊กตา รองเท้าผ้าใบ ซึ่งสิ่งของที่ครูเจี๊ยบเคยใช้และรักมากใส่ไปในโลงก่อนที่บาทหลวงจะเป็นผู้ทำน้ำเสก หรือน้ำมนต์ ตามหลักความเชื่อในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ประพรมที่โลงศพ จากนั้นเป็นพิธีเหลี่ยมตอกหมุดฝาโลง โดยมีญาติมิตรที่รักใคร่ของครูเจี๊ยบได้มาร่วมไว้อาลัยกันเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นจะไม่มีการเปิดฝาโลงอีก ก่อนนำร่างครูเจี๊ยบไประกอบพิธีมิสซาปลงศพ ที่โบสถ์ภายในวัดแม่พระประจักษ์ โดยพิธี”เหลี่ยม” เริ่มจากหลวงพ่อบาทหลวงได้นำสวดภาวนา ให้พระเจ้าประทานพรให้การพักผ่อนนิรันดรมาสู่มารีอา ศิรดา และ ขอให้พระเจ้า รับ มารีอา ศิรดา เป็นข้ารับใช้ เมตตาและอภัยต่อบาป ก่อนจะสวดภาวนาอีกครั้ง โดยบริเวณโลงศพของครูเจี๊ยบ ผู้ช่วยบาทหลวงได้จุดเทียนสีขาว 1 เล่ม ให้ติดส่องประกาย ตลอดช่วงพิธีสวดภาวนาจากนั้นบาทหลวงได้ประพรมน้ำเสกไปที่โลงศพ จากนั้นบาทหลวงกลับมาสวดภาวนาอีกครั้ง ด้วยประโยคที่ว่า ขอประทานพรการพักผ่อนอันนี้รังแกเขาเถิดพระเจ้าค่า ขอให้ความสวรรค์นิรันดร์ดรส่องแสงแก่เขาขอให้เขาได้พักผ่อนตลอดนิรันดร จากนั้นบาทหลวงได้ไปทำพิธีสวดภาวนาที่บริเวณโลงบรรจุร่าง ก่อนที่พ่อไกรวัลย์ พ่อครูเจี๊ยบนำพวงมาลัยดอกดาวเรืองวางไว้บนร่างของครูเจ๊ยบ และแม่มณี ได้วางพวงมาลัยดอกมะลิ ต้องเดินพยุงตัวเองด้วยไม้เท้า ไปที่โลงบรรจุร่างครูเจี๊ยบ โดยแม่ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ต้องมีญาติ และหลานหลานคอยพยุง และปลอบให้กำลังใจอยู่ตลอดช่วงพิธี จากนั้นครอบครัวและญาติสนิท รวมถึงหลานชาย 2 คน ที่ครูเจี๊ยบรักเหมือนลูกส่งเสียเรียนหนังสือจนจบการศึกษา นำดอกไม้โปรยในโลง และสุดท้ายก่อนฝาโลง คุณเอ แฟนครูเจี๊ยบ และพ่อแม่คุณเอที่เดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยครั้งสุดท้าย ได้นำดอกไม้ไปวางในโลง จากนั้นผู้ช่วยบาทหลวง หรือสัปเหร่อ นำฝาโลงที่บริเวณด้านบนมีพระเยซูตรึงกางเขนอยู่ด้านบนมาปิด ก่อนที่จะนำหมุดมาตอกที่ฝาโลง โดยจะตอกเพียงครึ่งเดียวก่อนจากนั้น พ่อครูเจี๊ยบจะเป็นผู้ตอกหมุด ทั้ง 4 มุมจนสนิท และครอบครัวประกอบด้วยญาติๆ หลานชาย และแฟนครูเจี๊ยบ ช่วยยกโลงบรรจุร่างขึ้นท้ายรถเพื่อเคลื่อนไปทำพิธีมิสซาที่โบสถ์วัดแม่พระประจักษ์ โดยบรรยากาศภายในโบสถ์วัดแม่พระประจักษ์ หลังเคลื่อนร่างครูเจี๊ยบมาถึง ได้ยกโลงขึ้นวางที่รถตั้งโลง โดยแม่มณี แม่ครูเจี๊ยบ เดินเกาะโลงพูดกับร่างลูกสาวตลอดเวลา ว่า “มาถึงโบสถ์แล้วนะลูกนะ” ก่อนที่จะหอมไปที่รูปลูกสาว พร้อมฝากถึงตำรวจ”ให้ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด แม่จะสบายใจมากๆ และหลังจากนี้ แม่คงใช้ชีวิตดำเนินต่อไป” และนอกจากครอบครัวครูเจี๊ยบ และญาติสนิทแล้ว ยังมีคณะครูและนักเรียนชมรมถ่ายภาพโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ รวมถึงกลุ่มเพื่อน เดินทางมาร่วมในพิธีไว้อาลัยครั้งสุดท้ายด้วย
จากนั้นเวลา 10.00 น. หลวงพ่อบาทหลวง ทำพิธีมิสซาปลงศพ โดยกล่าวนำสวดภาวนาต่อพระเจ้า ให้กรุณารับมารีอา ศิรดา สินประเสริฐ หรือครูเจี๊ยบ เป็นข้ารับใช้พระองค์ โดยมีนายไพฑูรย์ วงศ์วีระกูล นายอำเภอสองพี่น้อง และนายก อบต.ต้นตาล รวมทั้งญาติพี่น้องผู้ที่มาร่วมไว้อาลัย และครอบครัวครูเจี๊ยบ ยืนขึ้นกล่าวสวดภาวนาพร้อมกัน ตามพิธีในศาสนาคริสต์ พิธีทุกอย่าง เป็นไปอย่างเรียบง่ายและศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเคลื่อนร่างครูเจี๊ยบ โดยมีคณะนักเรียนเดินถือไม้กางเขนนำร่างเคลื่อนเข้าสู่โบสถ์ ต่อด้วยหลานคนเล็กของครูเจี๊ยบที่ถือรูป นำหีบบรรจุร่างเข้ามาในพิธี โดยขั้นตอนนี้ผู้ร่วมไว้อาลัยทุกคนต่างยืนขึ้นกล่าวสวดภาวนาเป็นทำนองเพลงพร้อมกัน ซึ่งบริเวณพิธีมีหลวงพ่อบาทหลวงนั่งเป็นองค์ประธาน พร้อมด้วยหลวงพ่อบาทหลวงอีก 4 ท่านนำสวดภาวนา “ ข้าแต่พระบุตรและพระจิตขอพระองค์รับมารีอา ศิรดา สินประเสริฐ และให้เขาได้พักผ่อนตลอดกาลนิรันดร อาเมน” จากนั้นทุกคนในพิธีร้องเพลงสวดภาวนาแด่พระเจ้า พร้อมกัน หลังเสร็จสิ้นพิธีในโบสถ์แล้ว จะมีเพียงครอบครัวและญาติสนิทที่จะนำร่างครูเจี๊ยบ เคลื่อนไปฝังที่สุสาน บริเวณกุฏิ(กุด) เดียวกับพี่ชายและคนในครอบครัวครูเจี๊ยบที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยมีบาทหลวงทำพิธีส่งวิญญาณ และอำลาผู้เสียชีวิตครั้งสุดท้าย และจะเสกหลุมศพ ประพรมน้ำเสกหรือน้ำมนต์ที่หลุมศพครูเจี๊ยบ จากนั้นนำโลงใส่หลุม ซึ่งบาทหลวงผู้กล่าวให้ผู้เสียชีวิตออกจากโลงไปหาพระเจ้าตามความเชื่อ เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีมิสซาปลงศพตามธรรมเนียนคริสตชนนิกายโรมันคาทอลิก