ราชบุรี-ครูมึนเกษียณอายุราชการช้า เพราะเกิดหลังแม่เสีย

ราชบุรี-ครูมึนเกษียณอายุราชการช้า เพราะเกิดหลังแม่เสีย

ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย(เต้)

 ครูมึนเกษียณอายุราชการช้า เพราะเกิดหลังแม่เสีย

            ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ จ.ราชบุรี ถึงกับงงต้องเกษียณอายุราชการครูช้า เพราะพ่อแจ้งเกิดผิด จึงรวบรวมหลักฐานขอแก้ไขปีเกิดกับทางอำเภอ เพื่อให้เกิดความถูกต้องในระบบราชการ จนสามารถแก้ไขประวัติปีเกิดให้ถูกต้องเรียบร้อย แต่เมื่อขอแก้ไขประวัติปีเกิดกับทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 8 (สพม.8) กลับมีมติจากคณะกรรมการ ก.ค.ศ.ให้ยึดถือปีเกิดเดิม ที่มีการลงประวัติกับ(ก.ฟ.7)ไว้แต่แรก ทำให้ตนเองต้องเกษียณอายุราชการครูช้ากว่าอายุจริงถึง 4 ปี ยันใบมรณบัตรแม่เสียชีวิตปี พ.ศ.2504 แต่ใบเกิดตนเองเกิด ปี พ.ศ.2506 พร้อมยื่นคำถามว่า”ตนเองจะเกิดหลังแม่เสียชีวิตได้อย่างไร”
           โดยเรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยจาก นายสราวุฒิ ลิ้มติ้ว อายุ 59 (ตามวันเดือนปีเกิดจริง) ซึ่งเป็นครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ จ.ราชบุรี อยู่บ้านเลขที่ 99/41 ม.5 ต.โคกหม้อ อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้เปิดเผยว่า ตนเกิดที่บ้านเลขที่ 5 ม.7 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2503 ซึ่งทางบ้านได้ไปแจ้งเกิดแล้วกับทางสำนักงานทะเบียนราชในหมู่บ้าน เพราะสมัยที่ตนเกิดนั้นยังเป็นหมอตำแยที่ทำคลอด เมื่อคลอดแล้วทางพ่อของตนก็ได้ไปแจ้งเกิดเรียบร้อยแล้ว และเอกสารแจ้งเกิดก็อยู่กับสารวัตรกำนันเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่รู้อย่างไรสารวัตรกำนันได้ทำเอกสารใบเกิดของตนเองหาย และไม่ได้มีการส่งเรื่องเกิดของตนไปที่อำเภอ จนเมื่อ 1 ปีถนัดมาแม่ของตนก็ได้มาเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวหลังตนเองเกิดได้เพียง 1 ปี และ 3 ปีถัดมาหลังจากที่ตนเองเกิด ทางอำเภอได้มีการให้ทุกบ้านมาตรวจสอบรายชื่อทะเบียนสำมะโนครัว เพื่อจัดทำประวัติให้ถูกต้อง และแจ้งว่าใครไม่มีรายชื่อในทะเบียนสำมะโนครัว หรือตกหล่นก็ให้มาแจ้งรายชื่อได้ที่อำเภอ เพื่อทางอำเภอจะได้ออกใบสำมะโนครัวให้ถูกต้อง ซึ่งเมื่อพ่อของตนได้ตรวจสอบรายชื่อของคนในครอบครัวแล้ว ก็พบว่าไม่มีรายชื่อของตน จึงได้ไปแจ้งชื่อของตนเองกับทางอำเภอในปี 2506 จนวันเดือนปีของตนกลายเป็น วันที่ 20 พฤศจิกายน 2506 ซึ่งเมื่อพ่อของตนมาตรวจสอบอีกทีก็พบว่า ปี พ.ศ.ผิด แต่ก็คิดว่าคงไม่มีผลอะไรเลยไม่ได้ไปแจ้งหรือแก้ไขให้ถูกต้อง จนตนได้รับราชการครู และเมื่อเดือนมกราคม ปี2550 ตนมาตรวจเอกสารของตนเองแล้วพบว่า แม่ของตนเสียชีวิตเมื่อปี 2504 แต่ตนเองเกิดเมื่อปี 2506 ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ตนจะเกิดหลังแม่เสียชีวิตได้อย่างไร ตนจึงมาตรวจสอบและทราบความจริงว่า แท้จริงแล้วตนเองเกิดเมื่อวันที่ 20 พ.ย.2503 ตนเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ตนจึงรวมรวบเอกสารและหลักฐานที่บ่งบอกว่าตนเองเกิดวันที่ 20 พ.ย.2503 ไปขอยื่นเรื่องทำเรื่องขอแก้ไขวันเดือนปีเกิดให้ถูกต้องกับทางอำเภอ ซึ่งทางอำเภอก็ได้ดำเนินเรื่องให้และแก้ไขให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งใช้เวลากว่า 8 ปี

              นายสราวุฒิ ครูชำนาญการพิเศษยังกล่าวอีกว่า หลังจากนั้นประมาณต้นปี 2558 ตนได้ทำเรื่องถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 8 (สพม.8) เรื่องขอความประสงค์ขอแก้ไข ปี พ.ศ.เกิด ให้ถูกต้องในแฟ้มประวัติ (ก.ฟ.7) ที่ระบุว่าตนเกิด”พ.ศ.2506″ เพื่อแก้ไขเป็น”พ.ศ.2503″ให้ถูกต้อง โดยได้ยื่นไปพร้อมเอกสารและหลักฐานที่บ่งบอกว่าตนเอง เกิดปี พ.ศ.2503 เหมือนที่ตนยื่นเรื่องแก้ไขกับทางอำเภอจนสามารถแก้ไขได้แล้วเสร็จ จนเมื่อวันที่ 26 กรกฏาคม 2559 ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 8 (สพม.8) ได้มีหนังสือตอบกลับมาว่า “สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอเรียกว่า ก.ค.ศ.พิจารณาแล้ว มีมติให้ยึดถือ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 ตามที่ลงไว้ในทะเบียนประวัติข้าราชการ(ก.ค.ศ.16 หรือ ก.พ.7 เดิม) เป็นวันเดือนปีเกิด ของนายสราวุฒิ ลิ้มติ้ว ตามเดิมต่อไป” ตนเองก็ยอมรับมติในคำตัดสินของคณะกรรมการ ก.ค.ศ. และทำให้ตนเองต้องไปเกษียณอายุราชการในปี พ.ศ.2567 โดยช้ากว่าอายุความเป็นจริงถึง 4 ปี ซึ่งความเป็นจริงแล้วตนเองอยากเกษียณให้ตรงกับอายุจริง โดยทางเพื่อนก็ได้แนะนำให้ไปยื่นเรื่องอุทธรณ์ แต่ตนเองเห็นว่าคงไม่มีผลจึงไม่ได้ไปยื่นเรื่องอุทธรณ์ เพราะได้มีการชี้แจ้งไปกับทางคณะกรรมการ ก.ค.ศ.แล้วหลายครั้ง แต่ตนก็แปลกใจว่าทำไมถึงทางคณะกรรมการ ก.ค.ศ. ถึงแก้ไขให้ตนไม่ได้ ทั้งๆที่ทางอำเภอสามารถแก้ไขได้ ซึ่งถ้ามีการขยายอายุเกษียณราชการเป็นจาก 60 ปี เป็นอายุ 63 ปี ตนเองก็จะได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งถ้ามีการเพิ่มจริง ตนก็ต้องไปเกษียณอายุราชการในปี พ.ศ.2570 ซึ่งตอนนั้นตนก็คงมีอายุ 67 ปี โดยตอนนี้ตนคิดได้อย่างเดียวถ้าเกิดไม่ไหวจริงๆ ตนก็คงต้องยอมลาออกเองก่อนที่จะได้เกษียณ์อายุราชการ ซึ่งถ้าตนยอมลาออกก็คงต้องเสียประโยชน์ในเรื่องที่ตนเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งตนเองก็ต้องทำใจ แต่ตนก็อยากฝากถึงคณะกรรมการ ก.ค.ศ. ตนเองก็อยากเกษียณอายุราชการตามความเป็นจริง เพราะหลักฐานในมรณบัตรของแม่เสียชีวิตในปี พ.ศ.2504 แต่ตนเองเกิดปี พ.ศ.2506 ตนเองจะเกิดหลังแม่เสียชีวิตแล้วได้อย่างไร ตนจึงอยากให้ทางคณะกรรมการ ก.ค.ศ. พิจารณาใหม่ให้ตนเองได้เกษียณอายุราชการได้ถูกต้องตามอายุจริง

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

 

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!