ปทุมธานี-ม.รังสิต ค้นพบ CBN จากกัญชายับยั้งเซลล์มะเร็งปอด พร้อมเปิดสถาบันวิจัยกัญชา

ปทุมธานี-ม.รังสิต ค้นพบ CBN จากกัญชายับยั้งเซลล์มะเร็งปอด พร้อมเปิดสถาบันวิจัยกัญชา

ภาพ/ข่าว:อนันต์ วิจิตรประชา

 ม.รังสิต ค้นพบ CBN จากกัญชายับยั้งเซลล์มะเร็งปอด พร้อมเปิดสถาบันวิจัยกัญชา

         เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 เมษายน 2562 ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ตำบลหลักหก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต นพ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ รองอธิการบดีฝ่ายการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยรังสิต ผศ.ดร.ภก.ธนภัทร ทรงศักดิ์ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผศ.ดร.เภสัชกรหญิง สุรางค์ ลีละวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์ วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมแถลงข่าวค้นพบ CBN จากกัญชายับยั้งเซลล์มะเร็งปอด โดยวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต นับเป็นความสำเร็จของการวิจัย พร้อมเปิดสถาบันวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์แห่งแรกในไทย และ 4 ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมต้นแบบจากสารสกัดกัญชา ยาเม็ดเวเฟอร์จากสารสกัดกัญชา ยาประสะกัญชา น้ำมันกัญชา และแคนนาบินอลสเปรย์ฉีดพ่นในช่องปาก
          ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า กัญชาเป็นพืชที่มีคุณค่าและมีประโยชน์มากมาย มีหลักฐานทางวิชาการที่แสดงว่ากัญชามีประสิทธิภาพในการรักษาโรคหลายชนิด และมีแนวโน้มการนำมาใช้ทางการแพทย์มากขึ้น มหาวิทยาลัยรังสิตได้เล็งเห็นคุณค่าและคุณประโยชน์ของกัญชามาอย่างยาวนาน เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยที่ขออนุญาตทำงานวิจัยกัญชาทางการแพทย์อย่างถูกต้อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 และได้รับอนุญาตเป็นรายแรกในปี 2560 เป็นต้นมา โดยมีเป้าหมายเพื่อวิจัยและพัฒนายาและตำรับยาที่พัฒนาจากกัญชาให้มีคุณภาพ มีความปลอดภัยและมีประสิทธิผล ผลงานวิจัยกัญชาด้านการแพทย์ของมหาวิทยาลัยรังสิตที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์และถือเป็นการบูรณาการ การทำงานร่วมกันของวิทยาลัยและคณะต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง มหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้จัดตั้ง “สถาบันวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์” ขึ้นมาเพื่อให้สามารถทำงานวิจัยกัญชาได้ทุกมิติ เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติในการบำบัดโรคและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้น

           ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรหญิง สุรางค์ ลีละวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์ วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้วิจัยการศึกษาฤทธิ์ต้านมะเร็งของสารจากกัญชาในสัตว์ทดลอง เปิดเผยว่า โรคมะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งในผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งผู้ชายและผู้หญิงทั่วโลก โดยเป็นโรคมะเร็งที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง เนื่องจากธรรมชาติของโรคที่ค่อนข้างดุดันและการไม่ตอบสนองต่อการรักษา ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับโรคมะเร็งปอด ดังนั้น การศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนายาต้านมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพ ยังมีความสำคัญต่อผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดเป็นอย่างยิ่ง สารกลุ่ม cannabinoids เป็นสารกลุ่มหลักที่พบในกัญชา โดยมีสาร ∆9-tetrahydrocannabinol (THC) เป็นสารออกฤทธิ์ที่สำคัญ มีฤทธิ์ต่อจิตประสาทและมีฤทธิ์ต้านการเจริญเติบโตของมะเร็งหลายชนิดทั้งในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง ส่วนสาร cannabinol (CBN) เป็นสารที่เกิดจากการปฏิกิริยาของสาร THC ในระหว่างการเก็บรักษา พบได้มากในกัญชาแห้ง ทั้งนี้ ยังไม่มีรายงานการศึกษาผลของสาร THC และ CBN ต่อเซลล์มะเร็งปอดของมนุษย์ในสัตว์ทดลอง การศึกษาวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของสาร THC และ CBN ต่อมะเร็งปอดของมนุษย์ในสัตว์ทดลอง จากการศึกษาวิจัยพบว่า สารบริสุทธิ์ที่แยกได้จากกัญชา คือ THC และ CBN มีฤทธิ์ลดการเพิ่มจำนวนของเซลล์มะเร็งปอดของมนุษย์ในหลอดทดลองได้ดี ดังนั้นจึงได้ทำการศึกษาผลของ THC และ CBN จากกัญชาต่อเซลล์มะเร็งปอดของมนุษย์ในหนูทดลอง พบว่าการฉีด THC และ CBN ในหนูทดลองที่เหนี่ยวนำให้เกิดเป็นมะเร็งด้วยเซลล์มะเร็งปอดของมนุษย์ ทุกวันเป็นเวลา 3 สัปดาห์ หนูทดลองที่ได้รับสาร THC และ CBN มีขนาดของก้อนมะเร็งเล็กกว่าหนูกลุ่มที่ไม่ได้รับสารอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าสาร THC และ CBN จากกัญชามีฤทธิ์ต้านมะเร็งปอดของมนุษย์ได้ทั้งในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมต้นแบบจากสารสกัดกัญชาอีก 4 ผลงาน ได้แก่ ยาเม็ดเวเฟอร์จากสารสกัดกัญชา ยาประสะกัญชา น้ำมันกัญชา และแคนนาบินอลสเปรย์ฉีดพ่นในช่องปาก

              อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ในระหว่างที่เราวิจัยหาสาระสำคัญจากกัญชาโดยใช้รักษามะเร็งท่อน้ำดีภายในหนูทดลอง เกิดผลพลอยได้ระหว่างการวิจัย พบว่านอกจากสาร THC แล้ว ยังมีสาระสำคัญที่จะเกิดประโยชน์ต่อมนุษยชาติ ทางคณะวิจัยตัดสินใจวิจัยต่อพบว่าสาร CBN สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งปอดได้ ซึ่งสารภายในกัญชานั้นมีหลายร้อยชนิด การจะพบเรื่องใดเนื่องหนึ่งจึงเหมือนถูกหวย หรือต้องมีองค์ความรู้ในระดับหนึ่งเพื่อที่จะไปค้นหาว่าโรคอะไร กับสารสำคัญอะไรถึงจะมีผลต่อโรคนั้น ๆ ถือว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่มาก และขั้นถัดไปคือการคำนวณวิจัยในมนุษย์ ผมคิดว่าเมื่อมาถึงตรงนี้ควรจะไม่มีข้อห้ามใด ๆ แล้ว ต่อผลิตภัณฑ์ของมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งมีทั้งผลงานการวิจัยในหนูทดลอง มีผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน ทั้งเวเฟอร์จากสารสกัดกัญชา น้ำมันกัญชา และสเปรย์ฉีดพ่นในช่องปาก ที่ทุกอย่างผ่านการคัดกรองจากตำหรับยาไทย ตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ฉบับหลวง ที่เป็นตำราที่แพทย์ไทยแผนโบราณใช้อ้างอิงในการตรวจวินิจฉัย และรักษาอาการป่วยไข้สืบต่อกันมา ที่เรียกว่า ประสะกัญชา โดยเลือกตำหรับที่ใช้ส่วนผสมของกัญชาในอัตราส่วนมากที่สุด การบูรณาการครั้งนี้ไม่ได้จบที่จะมีการวิจัยในมนุษย์ และกำลังจากมีการเพราะพันธ์ภายในแปลงเล็ก ๆ ภายในมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งกำลังจะมีการอนุญาตให้เอกชนรายแรกปลูกบนพื้นฐานองค์ความรู้ ภายใต้วิทยาลัยนวัตกรรรมการเกษตร เพื่อเป็นการพัฒนาสายพันธุ์กัญชา ความสำคัญอยู่ที่การบูรณาการที่ทาง ม.รังสิต รู้สารสำคัญในการรักษาโรค ทั้งหมดจะถูกแยกแยะตามวัตถุประสงค์ที่ไม่เหมือนกันเลย ไม่ใช้น้ำมันกัญชาที่ใช้กันทั่วไป แต่เป็นยาที่ถูกออกแบบมาแต่ละบุคคลไม่เหมือนกันแม้ว่ายานั้นจะทำมาจากต้นกัญชา ซึ่งเราไม่ต้องซื้อสิทธิบัตรต่างชาติ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด หลงัจากนั้นจะมีการพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้เกษตรมีโอกาสได้ปลูกตามการรักษาโรคตรงกับที่มนุษย์ต้องการ.

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
TAGS
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!